@laravelPWA
ทำไมมุสลิมชีอะฮ์ถึงรวมนมาซสองเวลาเข้าด้วยกัน?
  • ชื่อ: ทำไมมุสลิมชีอะฮ์ถึงรวมนมาซสองเวลาเข้าด้วยกัน?
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 21:7:49 8-6-1404

ทำไมมุสลิมชีอะฮ์ถึงรวมนมาซสองเวลาเข้าด้วยกัน?


ในอิสลาม เราต้องนมาซ 5 ครั้งในแต่ละวัน แต่รู้ไหมว่า… บางเวลาในแต่ละวัน สามารถนมาซ 2 ชุดติดกันได้ นั่นคือ ซุฮ์ริกับอัศริ และ มัฆริบกับอิชาอ์—มีช่วงเวลาที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเรียกว่า “เวลาร่วม” (وَقْتِ مُشْتَرَك)
 • ซุฮ์ริกับอัศริ ������ ระหว่างเที่ยงวันถึงพระอาทิตย์ตก
 • มัฆริบกับอิชาอ์ ������ ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนถึงเที่ยงคืน
มุสลิมชาวชีอะฮ์จึง รวมนมาซสองชุดในช่วงเวลาร่วมกัน ได้โดยไม่ผิดหลักศาสนา
เพราะมีหะดีษมากมายบอกว่า ท่านศาสดา ศ็อลฯ ก็ทำเช่นนี้
แม้ไม่มีเหตุจำเป็น เช่น การเดินทางหรือป่วย
⏳ บทขยาย
ในโลกที่เร่งรีบของมนุษย์ บางครั้งคำถามง่าย ๆ ก็กระตุ้นการใคร่ครวญอันลึกซึ้งยิ่งกว่าคำอธิบายเชิงปรัชญา “เหตุใดมุสลิมชีอะฮ์จึงนมาซซุฮ์ริกับอัศริ รวมถึงมัฆริบกับอิชาอ์ในเวลาเดียวกัน โดยไม่แยกนมาซเหมือนที่ชาวซุนนีย์ปฏิบัติ?
คำถามนี้มิใช่เพียงข้อถกเถียงเชิงนิติศาสตร์ศาสนา (فقه) หากแต่ยังเป็นหน้าต่างเปิดสู่ความเข้าใจเชิงโครงสร้างของเวลา ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า และปรัชญาว่าด้วยการดำรงอยู่ในอิสลาม
───────────────────────
❖ หนึ่งวัน หนึ่งคืน กับห้าสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับฟากฟ้า
───────────────────────
อิสลามบัญญัติให้มุสลิมประกอบการนมาซห้าครั้งในหนึ่งวันหนึ่งคืน ด้วยเวลาที่จำกัดแต่เปี่ยมความหมาย – เช้าตรู่ บ่าย และกลางคืน
ซึ่งตามคำสอนในคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะฮ์ เวลาการนมาซถูกแบ่งอย่างชัดเจน:
 • นมาซซุฮ์ริและอัศริ ครอบคลุมตั้งแต่เวลาซะวาล (เมื่อดวงอาทิตย์เอียงจากจุดสูงสุดของฟ้า) จนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก
 • นมาซมัฆริบและอิชาอ์ เริ่มจากหลังอาทิตย์ตกดิน ไปจนถึงเที่ยงคืน
 • นมาซศุบฮิ เริ่มต้นจากฟัจร์(รุ่งอรุณ) จนถึงเวลาก่อนที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า
───────────────────────
❖ เวลาเดียว สองนมาซ คือความเมตตาที่ขยายเวลา
───────────────────────
ในสายธารแห่งหลักการนิติศาสตร์ชีอะฮ์ อิมามผู้บริสุทธิ์ได้ชี้ให้เห็นว่า
มีช่วงเวลาที่ถือว่าเป็นเวลาร่วมกัน (وَقْتِ مُشْتَرَك) สำหรับนมาซสองเวลา
โดยเฉพาะระหว่างซุฮ์ริ–อัศริ และมัฆริบ–อิชาอ์
ท่านอิมามบากิร อ. กล่าวไว้ว่า:
عَنْ أَبِی جَعْفَرٍ ع قَالَ إِذَا زَالَتِ الشَّمْسُ دَخَلَ الْوَقْتَانِ الظُّهْرُ وَ الْعَصْرُ فَإِذَا غَابَتِ الشَّمْسُ دَخَلَ الْوَقْتَانِ الْمَغْرِبُ وَ الْعِشَاءُ الْآخِرَةُ 
เมื่อดวงอาทิตย์ถึงจุด “ซะวาล-زوال ”  เวลาแห่งซุฮ์ริและอัศริก็เริ่มต้น และเมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า เวลาแห่งมัฆริบและอิชาอ์ก็เข้ามาด้วย”[^1]
ในอีกบทหนึ่ง อิมามศอดิก อ. เสริมว่า : 
หลัง ซะวาล เป็นเวลาสำหรับทั้งซุฮ์ริและอัศริ โดยต้องเริ่มด้วยนมาซซุฮ์ริก่อน จากนั้นเจ้ามีสิทธิเลือกว่าจะละหมาดอัศริเมื่อใดก็ได้ จนถึงอาทิตย์ตก”[^2]
ในกรอบนี้ นมาซสามารถรวมกันได้ โดยไม่ต้องมีเหตุจำเป็น เช่น การเดินทางหรือเจ็บป่วย ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญจากแนวทางของนิติศาสตร์ซุนนีย์
───────────────────────
❖ แนวร่วมในความแตกต่าง | ข้อพ้องของซุนนีย์
───────────────────────
แม้จะมีแนวทางที่แตกต่างในเรื่องการรวมนมาซ แต่ในบางบริบท นิติศาสตร์ซุนนีย์ก็เปิดโอกาสให้รวมนมาซได้เช่นกัน
ในพิธีฮัจญ์ ณ ทุ่งอะรอฟะฮฺและมุชดะลิฟะฮ์ ทุกมัซฮับต่างเห็นพ้องให้รวมซุฮ์ริ–อัศริ และมัฆริบ–อิชาอ์
รวมถึงในกรณีของการเดินทาง นักนิติศาสตร์จำนวนไม่น้อยก็อนุญาตการรวมนมาซเช่นกัน
ที่น่าสนใจยิ่งคือ รายงานในหนังสือหะดีษระดับสูงสุดของซุนนีย์ เช่น เศาะฮีฮ์ มุสลิม ก็ระบุว่า: การนมาซรวมระหว่างซุฮ์ริ - อัศริฮ์ และระหว่าง มัฆริบ-อิชา คือซุนนะห์ของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. 
เศาะฮีฮฺ มุสลิม เล่มที่ 1 หน้า 490
สำนักพิมพ์ ดาร อิห์ยาอุลกุตุบ อัล-อะรอบียะฮ์
صحیح مسلم، ج1 ص490. ط دار احیاء الکتب العربیة. «عن بن عَبَّاسٍ قال: جَمَعَ رسول اللَّهِ صلى الله علیه وسلم بینالظُّهْرِ وَالْعَصْرِ وَالْمَغْرِبِ وَالْعِشَاءِ بِالْمَدِینَةِ فی غَیْرِ خَوْفٍ ولا مَطَرٍ فی حدیث وَکِیعٍ قال قلت لابن عَبَّاسٍ لِمَ فَعَلَ ذلک؟ قال کَیْ لَا یُحْرِجَ أُمَّتَهُ وفی حدیث أبی مُعَاوِیَةَ قِیلَ لابن عَبَّاسٍ ما أَرَادَ إلى ذلک قال أَرَادَ أَنْ لَا یُحْرِجَ أُمَّتَهُ»
จากคำรายงานของอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า:
แท้จริง ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้ทำการรวมนมาซซุฮ์ริกับอัศริ และมัฆริบกับอิชาอ์ ณ เมืองอัลมะดีนะฮ์(โดยมิได้อยู่ในสภาพของการเดินทาง) มิได้อยู่ภายใต้ภัยคุกคามใด ๆ และมิได้มีฝนตก”
รายงานของวะกีอฺระบุว่า:
ฉันได้ถามอิบนุอับบาสว่า เหตุใดท่านศาสดาจึงกระทำเช่นนั้น?
เขาตอบว่า:
เพื่อมิให้ประชาชาติของท่านต้องประสบกับความลำบาก
ในอีกสำนวนหนึ่งซึ่งรายงานโดยอบีมุอาวียะฮ์ มีผู้ถามอิบนุอับบาสในทำนองเดียวกันว่า:
อะไรคือเจตนารมณ์ของท่านร่อซูลจากการรวมนมาซในลักษณะเช่นนั้น?
อิบนุอับบาสตอบว่า:
เพราะท่านต้องการไม่ให้ประชาชาติของท่านต้องเผชิญกับความยากลำบากใด ๆ[^3]
───────────────────────
❖ เวลา ศรัทธา และความเมตตา
───────────────────────
เมื่อมองจากสายตาแห่งศรัทธา เวลาในอิสลามไม่ใช่เพียงตัวเลขบนหน้าปัด
แต่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เราสามารถเดินเข้าไปพบพระเจ้า
การเปิดช่องให้รวมนมาซจึงมิใช่เพียงความยืดหยุ่นทางกฎหมาย
หากแต่สะท้อน “ภาวะเมตตา” (رحمه) อันเป็นรากแก่นของศาสนา
เพราะบางครั้ง การรวมนมาซคือการต่ออายุศรัทธาในวันอันรีบเร่ง
บางครั้งมันคือการรำลึกถึงพระเจ้าในโรงงาน เสียงอาซานในป่า หรือการนมาซสองเวลาใต้เงาไม้เพียงต้นเดียว
สุดท้าย มิใช่รูปแบบของเวลาที่จำแนกผู้ใกล้ชิดพระองค์
แต่เป็น หัวใจที่เปล่งวาจาแห่งศรัทธา ภายในเวลาอันจำกัดของชีวิตชั่วคราวนี้
������ สรุป นมาซแยกก็ได้ นมาซรวมก็ดี
สิ่งสำคัญคือ นมาซตรงเวลา และด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์

เชิงอรรถและอ้างอิง:
[^1]: วะซาอิล อัชชีอะฮ์, เล่มที่ 3, บาบมาวากีต, ฮะดีษที่ 1
[^2]: วะซาอิล อัชชีอะฮ์, เล่มที่ 3, บาบมาวากีต, ฮะดีษที่ 604
[^3]: เศาะฮีฮฺ มุสลิม, เล่มที่ 2, หน้า 15, บาบการรวมละหมาดในเมือง

บทความโดย เชคอันศอร เหล็มปาน