@laravelPWA
โองการที่ 86,87,88,89 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 86,87,88,89 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 16:20:28 12-6-1404

โองการที่ 86,87,88,89 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน


كَيْف يَهْدِى اللَّهُ قَوْماً كفَرُوا بَعْدَ إِيمَنهِمْ وَ شهِدُوا أَنَّ الرَّسولَ حَقُّ وَ جَاءَهُمُ الْبَيِّنَت وَ اللَّهُ لا يَهْدِى الْقَوْمَ الظلِمِينَ (86) أُولَئك جَزَاؤُهُمْ أَنَّ عَلَيْهِمْ لَعْنَةَ اللَّهِ وَ الْمَلَئكَةِ وَ النَّاسِ أَجْمَعِينَ (87) خَلِدِينَ فِيهَا لا يخَفَّف عَنْهُمُ الْعَذَاب وَ لا هُمْ يُنظرُونَ (88) إِلا الَّذِينَ تَابُوا مِن بَعْدِ ذَلِك وَ أَصلَحُوا فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَّحِيمٌ (89)

ความหมาย

86. อัลลอฮฺจะทรงชี้นำหมู่ชนที่ปฏิเสธ หลังจากการศรัทธาของพวกเขา หลังจากการยืนยันว่าเราะซูลเป็นความจริง และหลังจากหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้วไดัอย่างไร และอัลลอฮฺ ไม่ทรงชี้นำทางหมู่ชนที่อธรรม

87. การลงโทษของพวกเขาคือ การสาปแช่งจากอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺ และมนุษย์ทั้งมวล จะมีแก่พวกเขา

88. พวกเขาจะอยู่ในการสาปแช่งตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และพวกเขาจะไม่ถูกประวิงเวลา (โอกาส)

89. นอกจากบรรดาผู้ลุแก่โทษหลังจากนั้น และได้ปรับปรุงแก้ไข (ในฐานะของผู้สำนึกผิด ซึ่งการลุแก่โทษจะถูกตอบรับ) แท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

สาเหตุของการประทานโองการ

มีชาวอันซอร (มุสลิมมะดีนะฮฺ) คนหนึ่งฆ่าผู้บริสุทธิ์ตาย เขากลัวการลงโทษแบบอิสลาม จึงได้หนีไปมักกะฮฺ และพรรคพวกของเขาอีก 11 คน ได้ร่วมทางไปด้วยทั้งหมดกลายเป็นผู้ตกศาสนา หลังจากเข้าไปในมักกะฮฺได้ระยะหนึ่งเขาสำนึกผิดต่อสิ่งที่ได้กระทำ จึงส่งคนหนึ่งไปพบกับครอบครัวของเขาที่มะดีนะฮฺ เพื่อไปถามท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ว่า เขามีสิทธิ์กลับมาหรือไม่

คำอธิบาย โทษของผู้ตกศาสนา

โองการที่ผ่านมากล่าวถึงศาสนาอิสลามว่า เป็นศาสนาเดียวที่พระเจ้าทรงยอมรับ ส่วนโองการนี้กล่าวถึงบุคคลที่ยอมรับอิสลามแล้ว ต่อมาได้หันหลังกลับ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาการว่า มุรตัด หรือตกศาสนา โองการกล่าวว่าอัลลอฮฺจะทรงชี้นำหมู่ชนที่ปฏิเสธ หลังจากการศรัทธาของพวกเขา หลังจากการยืนยันว่าเราะซูลเป็นความจริง และหลังจากหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้วไดัอย่างไร และอัลลอฮฺ ไม่ทรงชี้นำทางหมู่ชนที่อธรรม

เพราะเหตุใดพระเจ้าจึงไม่ชี้นำพวกเขา เหตุผลเป็นที่ชัดเจน พวกเขายอมรับท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน และปฏิญาณยืนยันการเป็นศาสดาของท่าน ด้วยเหตุนี้ การหันหลังกลับให้อิสลาม ในความเป็นจริงเท่ากับกดขี่ตนเอง ผู้ที่กดขี่จึงไม่มีความเหมาะสมกับการชี้นำของพระเจ้า เขาได้ทำลายพื้นฐานการชี้นำของพระเจ้าด้วยตัวเอง

จุดประสงค์ของ บัยยินาต ในโองการข้างต้น หมายถึงอัล-กุรอาน และอภินิหารของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ส่วนจุดประสงค์ของ ซอลิม หมายถึง บุคคลที่อันดับแรกได้กดขี่ตนเอง และเลือกแนวทางที่ออกนอกศาสนา อันดับต่อไปคือ ตนได้กลายเป็นสาเหตุทำให้ผู้อื่นหลงทาง

คำว่า ละอะนะ หมายถึง การห่างไกลโพ้นที่ผสมกับโทสะ และโมหะ ถ้าใช้กับพระเจ้าหมายถึง การห่างไกลจากความเมตตาของพระองค์ แต่ถ้าใช้กับมลาอิกะฮฺ และประชาชน หมายถึง ความโกรธ หรือความน่ารังเกียจ หรือการวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อให้บุคคลประเภทนี้ห่างไกลจากความเมตตาของพระองค์

แน่นอน บุคคลที่ตกศาสนา (มุรตัด) ถือว่าเป็นผู้กดขี่ เนื่องจากได้เลือกวิถีทางดังกล่าวด้วยความรู้ ดังเช่นผู้ที่ก่อการเสียหายบนหน้าแผ่นดิน ซึ่งเขาจะได้รับการสาปแช่งจากพระเจ้า มลาอิกะฮฺ มนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาจะได้รับความกริ้วโกรธจากพระผู้เป็นเจ้า

โองการถัดมากล่าวว่า พวกเขาจะอยู่ในการสาปแช่งตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และพวกเขาจะไม่ถูกประวิงเวลา (โอกาส) ในความเป็นจริง ไม่ว่าการสาปแช่งจะเป็นไปตลอดกาล หรือไม่ก็ตาม โทษทัณฑ์ของพวกเขาจะไม่ได้รับการลดหย่อน และพวกเขาจะไม่ถูกให้โอกาส

โองการสุดท้ายกล่าวถึงหนทางที่บุคคลประเภทสามารถกลับมาอีกครั้งหนึ่งได้ นั่นคือการลุแก่โทษในความผิดที่กระทำลงไป เนื่องจากเป้าหมายของอัล-กุรอานคือ การปรับปรุงแก้ไข และหนึ่งในแนวทางสำคัญสำหรับการปรับปรุงคือ การให้โอกาสกลับตัวกลับใจของผู้กระทำความผิด โองการนี้ก็คล้ายกับโองการอื่น ๆ ของอัล-กุรอาน ที่กล่าวถึงการลุแก่โทษและติดตามด้วยประโยคที่ว่า เพื่อปรับปรุงแก้ไข ซึ่งสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า การลุแก่โทษ มิใช่การสำนึกผิด และตัดสินใจว่าจะละเว้นความชั่วทั้งหมดเพียงอย่างเดียว ทว่าเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การลุแก่โทษถูกยอมรับคือ ต้องกระทำความดีเพื่อให้ลบล้างความชั่วที่ได้ก่อขึ้น ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่าอัล-กุรอาน บางโองการเมื่อกล่าวถึงการลุแก่โทษแล้ว จะกล่าวถึงความศรัทธาและการกระทำความดีทันที เช่น โองการข้างต้น หรือโองการที่ 60 บทมัรยัม กล่าวว่า ยกเว้นผู้ที่ลุแก่โทษ ศรัทธาและประพฤติคุณงามความดี ซึ่งนอกจากนี้แล้วการลุแก่โทษถือว่าไม่สมบูรณ์ การกล่าวเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่า บาปคือปัจจัยสำคัญที่ทำลายความศรัทธา ดังนั้น หลังจากลุแก่โทษแล้ว ต้องสร้างศรัทธาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สิ่งขาดหายไปสมบูรณ์ขึ้นมา

ประเด็นสำคัญ

การลุแก่โทษของผู้ตกศาสนาถูกยอมรับหรือไม่

มุรตัด หมายถึง บุคคลที่ยอมรับอิสลาม หลังจากนั้นได้ปฏิเสธและหันหลังให้อิสลามมี 2 ประเภท ได้แก่มุรตัดฟิฎรีย์ และมุรตัดมิลลีย์ มุรตัดฟิฎรีย์ หมายถึง บุคคลที่เป็นมุสลิมโดยกำเนิด หลังจากนั้นได้ปฏิเสธอิสลาม ส่วนมุรตัดมิลลีย์ หมายถึง บุคคลที่ไม่ได้เป็นมุสลิมโดยกำเนิด แต่ต่อมาได้ยอมรับอิสลาม หลังจากนั้นปฏิเสธอิสลาม ดังนั้น การลุแก่โทษของผู้ที่ตกมุรตัดมิลลีย์ เป็นที่ยอมรับ หมายถึงการลงโทษของเขาจะได้รับการผ่อนปรน เนื่องจากเขามิได้เป็นมุสลิมโดยกำเนิด ส่วนมุรตัดฟิฏรีย์ โทษของเขาจะหนักและรุนแรงกว่า แม้ว่าการลุแก่โทษของเขาจะถูกยอมรับ ณ องค์พระผู้อภิบาลก็ตาม แต่ถ้าสถานภาพของเขาเป็นที่ชัดเจน เขาจะถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ทรัพย์สินของเขา จะเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทที่เป็นมุสลิมเท่านั้น ดังนั้น โทษทัณฑ์ที่รุนแรงสำหรับผู้ที่ตกศาสนา เฉพาะมุรตัดฟิฎรีย์ และเฉพาะผู้ชายเท่านั้น