@laravelPWA
โองการที่ 83,84,85 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 83,84,85 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 0:25:56 11-6-1404

โองการที่ 83,84,85 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน

 


أَفَغَيْرَ دِينِ اللّهِ يَبْغُونَ وَلَهُ أَسْلَمَ مَن فِي السَّمَاوَاتِوَالأَرْضِ طَوْعًا وَكَرْهًا وَإِلَيْهِ يُرْجَعُونَ (83) قُلْ ءَامَنَّا بِاللَّهِ وَ مَا أُنزِلَ عَلَيْنَا وَ مَا أُنزِلَ عَلى إِبْرَهِيمَ وَ إِسمَعِيلَ وَ إِسحَقَ وَ يَعْقُوب وَ الاَسبَاطِ وَ مَا أُوتىَ مُوسى وَ عِيسى وَ النَّبِيُّونَ مِن رَّبِّهِمْ لا نُفَرِّقُ بَينَ أَحَدٍ مِّنْهُمْ وَ نَحْنُ لَهُ مُسلِمُونَ (84) وَ مَن يَبْتَغ غَيرَ الاسلَمِ دِيناً فَلَن يُقْبَلَ مِنْهُ وَ هُوَ فى الاَخِرَةِ مِنَ الْخَسِرِينَ(85)

ความหมาย

83. เขาทั้งหลายแสวงหาศาสนาอื่น จากศาสนาของอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ขณะที่ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินต่างนอบน้อมต่อบัญชาของพระองค์ โดยสมัครใจและโดยการบังคับ และทุกสิ่งกลับไปยังพระองค์

84. จงกล่าวเถิด เราศรัทธาในอัลลอฮฺ และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา และที่ถูกประทานลงมาแก่อิบรอฮีมอิสมาอีล อิสฮาก และยะอฺกูบ และเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย และที่ถูกประทานแก่มูซา อีซา และนะบีทั้งหลายจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เราจะไม่จำแนกระหว่างคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์.

85. และผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นจากอิสลาม มันจะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน

คำอธิบาย อิสลามเป็นศาสนาที่ดีที่สุดของพระเจ้า

โองการนี้กล่าวถึงศาสนาอิสลามเพื่อเรียกร้องความสนใจจากศาสนิกอื่น ตรงนี้อัล-กุรอานอธิบายอิสลามไว้ในความหมายที่กว้าง กล่าวว่า ผู้ที่อยู่ในฟากฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งหมดที่อยู่ในระหว่างทั้งสองล้วนเป็นมุสลิมทั้งสิ้น หมายถึง ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระบัญชาของพระองค์ เนื่องจากหัวใจของอิสลามคือ การยอมจำนนต่อสัจธรรม เพียงแต่ว่าบางกลุ่มอาจยอมรับโดยสมัครใจ และบางกลุ่มยอมรับโดยการบีบบังคับ

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบัญชาในสองลักษณะ กล่าวคือบัญชาของพระองค์เป็นแบบกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ และเหนือธรรมชาติ ซึ่งทำการปกครองสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้ มวลสรรพสิ่งเหล่านั้นล้วนยอมจำนน และไม่มีสิ่งใดที่จะฝ่าฝืนหรือระหกระเหินออกไปจากบัญชาของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ล้วนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระองค์

อีกลักษณะหนึ่งของพระบัญชาคือ ตัชรีอีย์ หมายถึง กฎบัญญัติที่พระเจ้าทรงประทานผ่านบรรดาศาสดา ผู้ที่ยอมรับบทบัญญัติดังกล่าวคือ มวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย และเนื่องจากการยอมรับบทบัญญัติจึงเรียกพวกเขา มุสลิม การหันเหออกจากบทบัญญัติ เป็นสาเหตุให้ล้าหลัง หรือประสบความพินาศ

คำว่า อิสลาม ในโองการข้างต้นมีความหมายกว้าง ซึ่งครอบคลุมทั้งสองบัญชาของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ โองการจึงกล่าวว่า ทุกสิ่งต่างนอบน้อมต่อบัญชาของพระองค์ โดยสมัครใจและโดยการบังคับ เช่น บรรดาผู้ปฏิเสธเมื่ออยู่ต่อหน้ากฎเกณฑ์แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้ ความหมายของโองการจึงหมายถึง บรรดาผู้ปฏิเสธที่เข้ารับอิสลาม พวกเขายอมรับบทบัญญัติบางส่วน จำเป็นต้องยอมรับอีกบางส่วนโดยปริยาย ฉะนั้น จะเห็นว่าบรรดาผู้มีศรัทธามักมีชีวิตอยู่บนความสงบ และสมัครใจกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า ส่วนผู้ปฏิเสธจะเรียกหาพระเจ้า ยามเมื่อเขาเดือดร้อน หรือประสบชะตากรรมอย่างรุนแรง ซึ่งในเวลานั้นเขาไม่มีผู้ใดอีกนอกจากพระองค์

จากสิ่งที่อธิบายมาเข้าใจได้ว่าคำว่า มัน ในประโยคที่กล่าวว่า มันฟิซซะมาวาติ (ขณะที่ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน) ครอบคลุมสรรพสิ่งทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ส่วนคำว่า เฎาอัน บ่งชี้ถึงสรรพสิ่งที่มีชีวิตและสติปัญญาหรือผู้ศรัทธา กัรฮัน บ่งชี้ถึงบรรดาผู้ปฏิเสธ สรรพสิ่งที่ไม่มีสติปัญญาหรือไม่มีชีวิต

โองการถัดมา พระเจ้าตรัสกับท่านศาสดาและผู้ปฏิบัติตามเขาว่า ให้ศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่ท่านและแก่ศาสดาก่อนหน้านั้น แน่นอน ในแง่ของสัจธรรมเรามิได้จำแนกศาสดาเหล่านั้น เรายอมรับศาสดาทุกท่าน ทั้งหมดเป็นผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า และทั้งหมดถูกประทานลงมาเพื่อชี้นำมวลมนุษย์ ทุกคนมีหน้าที่สวามิภักดิ์ เชื่อฟังและปฏิบัติตาม

โองการสุดท้าย เสมือนเป็นบทสรุปของสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด กล่าวว่า และผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นจากอิสลาม มันจะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน

ประโยคที่กล่าวว่า ยับตะฆิ มาจากรากศัพท์คำว่า อิบติฆอ หมายถึง ความพยายาม หรือการขวนขวาย ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี และทุก ๆ กรณีขึ้นอยู่กับสัญลักษณ์ที่ปรากฏในประเด็นนั้น

ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลามโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นรากฐานของทั้งหมดหมายถึง การจำนนเมื่ออยู่ต่อหน้าสัจธรรม แต่อิสลามในความหมายที่เฉพาะเจาะจงหมายถึง ศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นตัวอย่างสมบูรณ์แห่งความสมบูรณ์ทั้งหลาย

นักอรรถาธิบายกลุ่มหนึ่ง กล่าวว่า โองการนี้ประทานให้แก่ผู้กลับกลอก 12 คน พวกเขาเปิดเผยความศรัทธา หลังจากนั้นกลายเป็นผู้ตกศาสนา (มุรตัด) เดินทางออกจากมะดีนะฮฺกลับไปยังมักกะฮฺ โองการจึงประทานลงมา และประกาศแก่พวกเขาว่าบุคคลใดแสวงศาสนาอื่นนอกจากอิสลาม เขาจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า วันฟื้นคืนชีพการกระทำของมนุษย์จะถูกนำออกมาที่ละอย่าง ณ เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ซึ่งแต่ละอย่างจะแนะนำตัวเอง เช่น แนะนำว่าฉันคือนมาซ ฉันคือศีลอด ฉันคือหัจญ์ ฉันคือทานบังคับ ฉันคือ...หลังจากนั้นอิสลามจะถูกนำออกมา และกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลพระองค์คือ สลาม ส่วนฉันคือ อิสลาม หลังจากนั้น พระเจ้าตรัสว่า วันนี้ฉันจะลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนเจ้า และจะประทานรางวัลแก่เจ้า พระองค์ตรัสไว้ในอัล-กุรอานว่า ผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นจากอิสลาม มันจะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน