โองการที่ 56,57,58 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
فَأَمَّا الَّذِينَ كَفَرُوا فَأُعَذِّبُهُمْ عَذَاباً شدِيداً فى الدُّنْيَا وَ الاَخِرَةِ وَ مَا لَهُم مِّن نَّصرِينَ (56) وَ أَمَّا الَّذِينَ ءَامَنُوا وَ عَمِلُوا الصلِحَتِ فَيُوَفِّيهِمْ أُجُورَهُمْ وَ اللَّهُ لا يُحِب الظلِمِينَ (57) ذَلِك نَتْلُوهُ عَلَيْك مِنَ الاَيَتِ وَ الذِّكْرِ الْحَكِيمِ (58)
ความหมาย
56. ดังนั้น ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธ ฉันจะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ
57. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการที่ดี พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลพวกเขาอย่างครบถ้วน และอัลลอฮฺไม่ทรงรักผู้อธรรม
58. สิ่งเหล่านี้เราได้สาธยายแก่เจ้า จากบรรดาสัญลักษณ์ และข้อเตือนที่มากด้วยวิทยปัญญา
คำอธิบาย ผู้นำ ผู้ตาม และผู้ฝ่าฝืนอีซามะซีฮฺ (อ.)
โองการที่หนึ่งและสองในส่วนนี้กล่าวแก่ศาสดาอีซา (อ.) ซึ่งโองการก่อนหน้านี้กล่าวถึงผู้ปฏิบัติตาม และผู้ฝ่าฝืนอีซา ส่วนโองการที่สามกล่าวแก่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) โองการนี้นอกจากการลงโทษในวันชาติหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดสินการกระทำของตนโดยพระเจ้าแล้ว ยังกล่าวถึงการลงโทษในโลกนี้ ซึ่งเป็นของกลุ่มชนที่ปฏิเสธ และเป็นปรปักษ์กับสัจธรรมและความยุติธรรม ขณะที่ไม่มีผู้สามารถปกป้องและให้การช่วยเหลือพวกเขาได้ หลังจากนั้นโองการกล่าวถึง ชนกลุ่มที่สองว่า ส่วนบรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการที่ดี พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลพวกเขาอย่างครบถ้วน และทรงเน้นย้ำแก่พวกเขาว่า อัลลอฮฺไม่ทรงรักผู้อธรรม
การที่พระองค์นำเอาชะตากรรมของผู้ปฏิเสธขึ้นหน้าก่อนผู้ศรัทธา เนื่องจากว่ากลุ่มชนที่ปฏิเสธอีซามะซีฮฺ มีมากกว่ากลุ่มชนที่ยอมรับ
ขณะเดียวกันจะเห็นว่าโองการแรกกล่าวถึง เรื่องการลงโทษบนโลกนี้สามารถเข้าใจได้ว่า จุดประสงค์ของผู้ปฏิเสธตามที่โองการกล่าวถึงคือ ยะฮูดีย์ ซึ่งพวกเขาประสบชะตากรรมที่เลวร้าย และการลงโทษอันสาหัส ดังที่ประวัติชนชาติยะฮูดีย์ได้บันทึกไว้ สิ่งที่สมควรพิจารณาพิเศษในโองการแรก ซึ่งเป็นสาเหตุให้พวกเขาถูกลงโทษคือ การปฏิเสธเพียงประการเดียว ส่วนโองการทีสองกล่าวถึงความศรัทธา และการประกอบการดีควบคู่กัน บ่งบอกว่าการปฏิเสธเพียงประการเดียวคือ ที่มาของการลงโทษอันแสนสาหัสของพระเจ้า ขณะที่ความศรัทธาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการรอดพ้นการลงโทษ ทว่าต้องควบคู่กับการประกอบการดี
ประโยคที่กล่าวว่า อัลลอฮฺไม่ทรงรักผู้อธรรม แสดงให้เห็นว่าการปฏิเสธและการกระทำที่ไม่ดีคือ การกดขี่นั่นเอง แน่นอน พระเจ้าไม่ทรงรักผู้กดขี่ พระองค์จะไม่ทรงกดขี่ปวงบ่าวเด็ดขาด และพระองค์ทรงตอบแทนรางวัลแก่พวกเขาอย่างครบถ้วน
หลังจากอธิบายเรื่องราวของอีซา (อ.) แล้ว โองการกล่าวแก่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ว่า สิ่งเหล่านี้เราได้สาธยายแก่เจ้า จากบรรดาสัญลักษณ์ที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมของเจ้า และข้อเตือนที่มากด้วยวิทยปัญญา อันได้แก่โองการอัล-กุรอานที่ประทานลงมาแก่เจ้า เป็นสัจธรรมที่ไม่มีความเท็จอื่นใดร่วมปน แม้ว่าผู้หลงผิดทั้งหลายจะพยายามหาข้อผิดพลาด ใส่ร้ายต่าง ๆ นาน และสร้างสิ่งแปลกปลอมใส่อัล-กุรอาน จนถึงปัจจุบันพวกเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ และมิสามารถกระทำได้