โองการที่ 52,53,54 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
فَلَمَّا أَحَس عِيسى مِنهُمُ الْكُفْرَ قَالَ مَنْ أَنصارِى إِلى اللَّهِ قَالَ الْحَوَارِيُّونَ نحْنُ أَنصارُ اللَّهِ ءَامَنَّا بِاللَّهِ وَ اشهَدْ بِأَنَّا مُسلِمُونَ (52)رَبَّنَا ءَامَنَّا بِمَا أَنزَلْت وَ اتَّبَعْنَا الرَّسولَ فَاكتُبْنَا مَعَ الشهِدِينَ (53)وَ مَكرُوا وَ مَكرَ اللَّهُ وَ اللَّهُ خَيرُ الْمَكِرِينَ (54)
ความหมาย
52. ครั้นเมื่ออีซารู้สึกว่าในหมู่พวกเขามีการปฏิเสธ (และฝ่าฝืน) เกิดขึ้น จึงกล่าวว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉัน (เผยแผ่ศาสนา) ไปสู่อัลลอฮฺ เหล่าสาวก (สานุศิษย์พิเศษ) กล่าวว่า เราเป็นผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ เราศรัทธาในอัลลอฮฺ และท่านจงเป็นพยานว่า แท้จริง เราเป็นมุสลิม
53. พระผู้อภิบาลของเรา เราศรัทธาตามที่พระองค์ได้ประทานลงมา และเราปฏิบัติตามศาสดา ดังนั้น โปรดบันทึกเราร่วมกับบรรดาผู้เป็นพยาน
54.พวกเขา (ยะฮูดีย์และศัตรูของอีซามะซีฮฺ ต้องการขจัดเขา และศาสนาของเขา) ได้วางแผน และอัลลอฮฺ (ประสงค์ที่จะปกป้องเขาและศาสนาของเขา) ทรงวางแผน และอัลลอฮฺ ทรงเป็นเลิศแห่งผู้วางแผน
คำอธิบาย การยึดมั่นของบรรดาสานุศิษย์
โองการนี้กล่าวถึงการเชิญชวนของอีซา (อ.) และการดำรงชีวิตของเขา ซึ่งตามที่ศาสดามูซา (อ.) แจ้งข่าวไว้ล่วงหน้าว่า จะมียะฮูดีย์กลุ่มหนึ่งรอคอยการปรากฏตัวของอีซา (อ.) แต่เมื่ออีซาปรากฏตัวได้ทำให้ชีวิต และทรัพย์สินของวงศ์วานอิสรออีลหลงทางกลุ่มหนึ่งตกอยู่ในอันตราย และได้รับความเสียหาย พวกเขาตรึกตรองแล้วว่า ถ้าปฏิบัติตามอีซาจะต้องสุญเสียผลประโยชน์และอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะยอมรับคำสอนของอีซา ซึ่งมีชนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยอมรับอีซา โองการกล่าวว่า ครั้นเมื่ออีซารู้สึกว่าในหมู่พวกเขามีการปฏิเสธ (และฝ่าฝืน) เกิดขึ้น จึงกล่าวว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉัน (เผยแผ่ศาสนา) ไปสู่อั้นฮฺบ้าง
ตรงนี้จะเห็นว่ามีชนกลุ่มเล็กน้อยเท่านั้นที่ตอบรับคำเชิญของอีซา (อ.) ซึ่งอัล-กุรอานเรียกกลุ่มชนบริสุทธิ์นี้ว่าสาวกของอีซา (สานุศิษย์พิเศษ) พวกเขาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนโดยกล่าวตอบอีซา (อ.) ว่า เราเป็นผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ เราศรัทธาในอัลลอฮฺ มิได้กล่าวว่า เราเป็นผู้ช่วยเหลือท่าน พวกเขาให้อีซาเป็นพยานการยอมรับของพวกเขา ประหนึ่งพวกเขารู้ว่า ในอนาคตจะมีกลุ่มชนที่หลงผิด และอ้างเอาอีซาเป็นพระเจ้า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีหลักฐานไว้อ้างอิงในอนาคต
ตรงนี้อีซา (อ.) ได้จำแนกสหายและผู้ปฏิบัติตามด้วยใจบริสุทธิ์ออกจากศัตรู และผู้กลับกลอกทั้งหลาย เพื่อให้โครงการที่จะทำต่อไปเกิดความมั่นคง การกระทำของอีซา (อ.) เหมือนกับการกระทำของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ที่เอาสัตยาบันอุกบะฮฺ จากประชาชนในคราวนั้น
โองการถัดมาประโยคที่กล่าวถึงเป็นการอธิบาย ให้เห็นภาพความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงของบรรดาสาวก พวกเขาหลังจากยอมรับคำเชิญชวนของอีซา (อ.) แล้วได้ประกาศความพร้อมเพื่อร่วมงาน ช่วยเหลือ เชื่อฟังปฏิบัติตามอีซา (อ.) และศรัทธาต่อพระเจ้า พวกเขาประกาศว่า เราศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมา ซึ่งไม่ได้ประกาศเป็นคำพูดอย่างเดียว ทว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งฟากฟ้า และคำสอนของอีซา ซึ่งเป็นพยานความศรัทธาของพวกเขา หลังจากนั้น พวกเขาได้วอนต่อพระเจ้าว่า ให้บันทึกนามของพวกเขาร่วมกับบรรดาผู้เป็นพยาน
หลังจากกล่าวถึงความศรัทธาของบรรดาสาวกแล้ว โองการที่สามกล่าวถึงแผนการร้ายของยะฮูดีย์ผู้เป็นศัตรูตัวฉกาจ ของอีซา (อ.) คำว่า มักรุน ในเชิงภาษาหมายถึง ความคิด หรือสิ่งที่จำเป็นต้องคิดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ จุดประสงค์ของโองการที่กำลังกล่าวถึง หรือในโองการอื่นที่กล่าวถึง มักรุน โดยพาดพิงไปยังพระเจ้าก็คือ บรรดาซาตานมารร้ายผู้เป็นศัตรูของอีซามะซีฮฺ (อ.) ได้วางแผนเพื่อที่จะทำลายศาสนา และการเผยแผ่ของอีซา แต่พระเจ้าทรงปกป้องศาสดาของพระองค์ และทรงประสงค์ให้ศาสนาของพระองค์ก้าวหน้า พระองค์จึงวางแผนการเหนือแผนการของพวกเขา และทำลายแผนการของพวกเขาลงอย่างราบคาบ
ประเด็นสำคัญ
บรรดาสาวกของอีซา (อ.) คือใคร
คำว่า ฮะวารียูน เป็นพหูพจน์ของคำว่า ฮะวารี มาจากรากศัพท์คำว่า ฮูร หมายถึง การล้าง การทำให้ขาว บางครั้งใช้เรียกทุกอย่างที่ขาวว่า ฮะวารี ซึ่งคำว่า ฮูรียานแห่งสวรรค์ (นางสวรรค์) เนื่องจากสะอาดบริสุทธิ์จึงเรียกว่า เฮารอ ซึ่งมีผิวขาวเนียนสะอาด นัยน์ตาเป็นประกายแวววาว
แต่สาเหตุที่เรียกสาวกของอีซา (อ.) ว่า ฮะวารียูน เนื่องด้วยมีรายงานจากบรรดาอิมาม (อ.) กล่าวว่า พวกเขานอกจากจะมีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เยือกเย็น และมั่นยกระดับจิตใจตนตลอดเวลาแล้ว พวกเขายังช่วยทำความสะอาดจิตใจของคนอื่น ทำการชำระล้างความสกปรกโสมม และบาปกรรมของคนอื่นให้สะอาดอีกด้วย