@laravelPWA
โองการที่ 45, 46 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 45, 46 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 2:12:39 11-6-1404

โองการที่ 45, 46 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน

 

إِذْ قَالَتِ الْمَلَئكَةُ يَمَرْيَمُ إِنَّ اللَّهَ يُبَشرُكِ بِكلِمَةٍ مِّنْهُ اسمُهُ الْمَسِيحُ عِيسى ابْنُ مَرْيَمَ وَجِيهاً فى الدُّنْيَا وَ الاَخِرَةِ وَ مِنَ الْمُقَرَّبِينَ (45)وَ يُكلِّمُ النَّاس فى الْمَهْدِ وَ كهْلاً وَ مِنَ الصلِحِينَ (46)

ความหมาย

45. จงรำลึกถึง เมื่อมลาอิกะฮฺ กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย แท้จริง อัลลอฮฺ ได้ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งถ้อยจำนรรจ์หนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีฮฺ อีซาบุตรของมัรยัม ผู้มีเกียรติทั้งในโลกนี้และโลกหน้า จากมวลผู้ใกล้ชิด (พระเจ้า)

46. และเขาจะพูดแก่ผู้คน ขณะอยู่ในเปล และในวัยกลางคน และอยู่ในหมู่กัลญาณชน

คำอธิบาย การแจ้งข่าวการเถือกำเนิดของอีซา

ตั้งแต่โองการนี้เป็นต้นไป จะอธิบายถึงส่วนสำคัญในชีวิตของมัรยัม ตั้งแต่การถือกำเนิดบุตรชายมะซีฮฺ อีซา (อ.) และประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันดับแรกกล่าว่า จงรำลึกถึง เมื่อมลาอิกะฮฺ กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย แท้จริง อัลลอฮฺ ได้ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งถ้อยจำนรรจ์หนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีฮฺ อีซาบุตรของมัรยัม ผู้มีเกียรติทั้งในโลกนี้และโลกหน้า จากมวลผู้ใกล้ชิด (พระเจ้า)

ประเด็นสำคัญ

1.โองการนี้กับอีกสองโองการถัดไปกล่าวถึงมะซีฮฺ (อ.) ในฐานะของ ถ้อยจำนรรจ์ ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ ตรงกับที่กล่าวไว้ในคัมภีร์อินญีล แต่เพราะเหตุใดจึงเรียกมะซีฮฺอีซา (อ.) ว่า ถ้อยจำนรรจ์ นักอรรถาธิบายอัล-กุรอานมีทัศนะแตกต่างกัน ซึ่งสรุปได้ว่าสาเหตุมาจาก การถือกำเนิดที่มีความอัศจรรย์ของท่าน ดังที่โองการกล่าวว่า แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสว่า“จงเป็น” แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้นมา หรือเนื่องจาก ก่อนที่ท่านจะถือกำเนิดขึ้นมา พระเจ้าทรงแจ้งข่าวดีนี้แก่มารดาของท่านก่อนแล้ว ซึ่งคำว่า กะลิมะฮฺ ในอัล-กุรอานหมายถึงสิ่งถูกสร้าง เช่น กล่าวว่า ถ้านำเอาน้ำทะเลเป็นนำหมึกเพื่อบันทึก ถ้อยจำนรรจ์ของพระผู้อภิบาลของฉัน น้ำทะเลจะแห้งก่อนที่จะบันทึกเสร็จ แม้ว่าจะมีน้ำทะเลเช่นนั้นเพิ่มมาอีกก็ตาม

ดังนั้น จุดประสงค์ของ ถ้อยจำนรรจ์ของพระผู้อภิบาล คือสรรพสิ่งถูกสร้างนั่นเอง ขณะที่มะซีฮฺอีซา เป็นหนึ่งในสิ่งถูกสร้างของพระองค์ คำว่า กะลิมะฮฺ จึงถูกใช้กับท่านด้วย

2.การใช้คำว่าว่า มะซีฮฺ ในความหมายของ ผู้ให้การสัมผัส หรือถูกสัมผัสแล้วสำหรับอีซา (อ.) อาจเป็นเพราะว่าท่านได้เอาฝ่ามือลูบไปบนร่างกายของคนป่วย ที่ไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่ได้รับการอนุเคราะห์จากพระเจ้า คนไข้หายป่วยเป็นปกติ ซึ่งเกียรติยศนี้ได้รับการอนุมัติจากพระเจ้าก่อนแล้ว พระเจ้าจึงตั้งชื่อเขาว่า มะซีฮฺ ก่อนที่จะถือกำเนิดขึ้นมา

หรืออาจเป็นเพราะว่า พระเจ้าทรงขจัดเขาออกจากความโสมม และบาปกรรมต่าง ๆ ทรงทำให้เขาบริสุทธิ์

3. อัล-กุรอานหลายโองการกล่าวแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่า อีซาเป็นบุตรของมัรยัม เพื่อเป็นคำตอบแก่ผู้ที่อ้างว่า อีซาคือพระเจ้า เนื่องจากผู้ที่คลอดออกจากครรภ์ของมารดา ซึ่งวิวัฒนาการมาจากการเป็นทารก และเจริญเติบโตไปตามระบบ และคลอดออกจากครรภ์ของมารดา จะเป็นพระเจ้าได้อย่างไร ขณะที่พระเจ้าปราศจากการวิวัฒนาการตั้งแต่แรก

คำว่า มะฮฺดิ หมายถึงสถานที่เตรียมไว้ สำหรับนอน หรือพักผ่อนของทารก แต่ในที่นี้หมายถึง เปล ดังที่กล่าวไว้ในบทมัรยัมว่า มัรยัมต้องการแก้ต่างข้อกล่าวหาที่มีต่อเธอ และลูกน้อยที่ว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ พระเจ้าทรงดลให้เธอชี้ไปที่เปล ที่อีซากำลังนอนอยู่ และท่านได้พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ฉันเป็นบ่าวของพระเจ้า และเป็นศาสดาของพระองค์ ซึ่งปกติเป็นไปได้สำหรับบุคคลที่มิได้เป็นศาสดา แต่จะแสดงอภินิหารทำนองนั้น อัล-กุรอาน บทมัรยัมกล่าวว่า อีซาเริ่มพูดตั้งแต่วันแรกที่คลอดออกมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับเด็กทั่วไปที่จะปฏิบัติเช่นนั้น สิ่งนี้เป็น อภินิหารอันยิ่งใหญ่ ส่วนการพูดในวัยกลางคนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่สามารถทำได้ การที่พระองค์ตรัสถึงสองสภาพไว้เคียงคู่กัน บ่งชี้ให้เห็นว่า คำพูดของเขาขณะที่นอนในเปล กับคำพูดในวัยกลางคนไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าในวัยกลางคนมีสาระมากกว่า

4.คำพูดเกี่ยวกับอีซา ประหนึ่งเป็นการพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าที่บ่งชี้ถึงอนาคต ประวัติศาสตร์บันทึกว่า อีซาอยู่บนโลกด้วยวัยเพียง 33 ปี หลังจากนั้นพระเจ้าทรงเก็บอีซาขึ้นไปบนฟากฟ้า รายงานส่วนใหญ่ระบุว่า ท่านจะกลับมาอีกครั้งในช่วงปรากฏกายของอิมามมะฮฺดี (อ.) อิมามท่านที่ 12ซึ่งมาจากครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านจะสนทนากับผู้คนเหมือนตอนถือกำเนิดในครั้งแรก

ประโยคที่กล่าว่า และอยู่ในหมู่กัลญาณชน แสดงให้เห็นว่า การกระทำความดีงาม เป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ทุกคน ซึ่งกล่าวได้ว่าคุณค่าของมนุษย์นั้นรวมอยู่ที่การทำความดีงามนั้นเอง