@laravelPWA
โองการที่ 31,32 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 31,32 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 2:10:42 11-6-1404

โองการที่ 31,32 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน


قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونى يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ وَ يَغْفِرْ لَكمْ ذُنُوبَكمْ وَ اللَّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ (31) قُلْ أَطِيعُوا اللَّهَ وَ الرَّسولَ فَإِن تَوَلَّوْا فَإِنَّ اللَّهَ لا يحِب الْكَفِرِينَ (32)

ความหมาย

31. จงกล่าวเถิด ถ้าพวกท่านรักอัลลอฮฺ ดังนั้น จงปฏิบัติตามฉัน เพื่ออัลลอฮฺจะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยบาปทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

32. จงกล่าวเถิด จงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราะซูล แต่ถ้าพวกท่านหันหลังให้ แท้จริง อัลลอฮฺมิทรงรักผู้ปฏิเสธ

สาเหตุของการประทานโองการ

มีชนกลุ่มหนึ่งอ้างตนว่าเป็นผู้รักพระผู้อภิบาล ต่อหน้าท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) แต่พวกเขาไม่เคยปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าแม้เพียงเล็กน้อย โองการข้างต้นจึงประทานลงมา เพื่อตอบข้อกล่าวอ้างของพวกเขา

คำอธิบาย ความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร

ดังที่กล่าวในสาเหตุของการประทานโองการว่า มีบางกลุ่มชนที่มักแสดงตนว่ารักพระเจ้า และบรรดาศาสดา โองการข้างต้นจึงอธิบายความรักที่แท้จริง พร้อมกับความแตกต่างของความรักจอมปลอมที่เป็นเท็จ หมายถึงความรักมิใช่เฉพาะแค่ความผูกพันทางจิตใจที่อ่อนแอ โดยปราศจากผลและร่องรอยของความรัก ทว่าจำเป็นต้องมีร่องรอยความรักปรากฏทางการกระทำด้วย บุคคลที่กล่าวอ้างว่ามีความรักในพระผู้อภิบาล สัญลักษณ์อันดับแรกคือ การเชื่อฟังปฏิบัติตามท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)

ในความเป็นจริงสิ่งนี้เป็นผลพวงทางธรรมชาติของความรัก ที่นำพามนุษย์ไปสู่คนรักของตน หรือนำไปสู่จุดหมายของความรัก ด้วยเหตุนี้ การที่มนุษย์มีความรักในพระเจ้า เนื่องจากพระองค์คือ แหล่งอันเป็นรากฐานของความสมบูรณ์ทั้งหลาย แน่นอน การมีอยู่เช่นนี้ โครงการต่าง ๆ และคำสั่งทั้งหมดของพระองค์ย่อมมีความสมบูรณ์ด้วย ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างไร สำหรับผู้ที่มีความรักในความก้าวหน้า จะถอนตนออกจากโครงการที่มีความสมบูรณ์ และถ้าถอนตนออกจริง สิ่งนี้ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้ที่ไม่ได้มีความรักอย่างแท้จริงดอกหรือ

โองการข้างต้นได้วางรากฐานของความรักไว้ในทุกยุคทุกสมัย สำหรับบุคคลที่กล่าวอ้างทั้งกลางวันและกลางคืนว่า รักพระเจ้า ศาสดา บรรดาอิมาม ผู้เสียสละในหนทางของพระเจ้า กัลญาณชน และผู้ประพฤติดีทั้งหลาย แต่ในทางปฏิบัติมิได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตนกล่าวอ้างแม้แต่เพียงเล็กน้อย หรือมิเคยปฏิบัติเลย ถือว่าเป็นคำอ้างที่โกหก

บุคคลที่ชีวิตของเขาเปื้อนบาปกรรม แน่นอนว่า หัวใจของเขาย่อมว่างเปล่าปราศจากพระเจ้า ศาสดา (ซ็อล ฯ) อิมามอะลี (อ.) และบรรดาผู้นำท่านอื่น ๆ หรือมีความเชื่อว่าความศรัทธา และความรักเป็นเรื่องของจิตใจ ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำ ความคิดเช่นนี้ ถือว่าขัดแย้งกับหลักการของอิสลามอย่างรุนแรง

อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า บุคคลที่ทำบาปคือ บุคคลที่ไม่รักพระเจ้า

อัล-กุรอาน กล่าวว่า อัลลอฮฺจะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยบาปทั้งหลายของพวกท่าน หมายถึง ถ้าเจ้ารักอัลลอฮฺ ซึ่งผลของมันได้สำแดงออกทางการกระทำ และบนวิถีชีวิตของตน แน่นอนพระเจ้าทรงรักท่าน และทรงติดตามความรักที่มีต่อเจ้า พร้อมกับสำแดงให้เจ้าเห็นตามกาลเวลาและความเหมาะสม ทรงอภัยความผิดทั้งหลายของสูเจ้า และทรงเมตตาต่อสูเจ้า

เหตุผลความรักของพระเจ้าเป็นที่ชัดเจน เนื่องจากการมีอยู่ของพระองค์สมบูรณ์ และไม่มีที่สิ้นสุด ทรงให้ความรักและความเอ็นดูต่อทุกคน ที่ก้าวเดินไปสู่ความสมบูรณ์ โองการข้างต้นอธิบายว่าความรักมิได้เกิดเพียงด้านเดียว เนื่องจากผู้มีความรักทุกคนมักทำตามคำเรียกร้อง และก้าวเดินไปบนเส้นทางที่คนรักของตนปรารถนา แน่นอนการกระทำเช่นนี้ คนรักของตนย่อมตอบสนองความรักแก่ตน

ประเด็นสำคัญ

ศาสนากับความรัก รายงานจำนวนมากมายกล่าวว่า ศาสนามิใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความรัก อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า ศาสนาคือความรัก หลังจากนั้นท่านอ่านโองการข้างต้น

จุดประสงค์ของรายงานข้างต้นต้องการบอกว่า หัวใจของศาสนาคือ ความศรัทธา และความรักที่มีต่อพระเจ้า ความศรัทธาและความรักที่แสงสว่างของมัน ทำให้ความเป็นมนุษย์บรรเจิดจ้าออกมา

โองการถัดมาอธิบายเสริมโองการก่อนหน้า กล่าวว่า จงกล่าวเถิด จงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราะซูล เนื่องด้วยเจ้าเป็นผู้กล่าวอ้างว่ารักพระองค์ ดังนั้น ต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามพระองค์ และศาสนทูตของพระองค์ ความรักดังกล่าวจึงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ

การหันหลังให้ของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้รักอัลลอฮฺ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงมิทรงรักพวกเขา เนื่องจากความรักมิอาจเกิดเพียงด้านเดียวได้

ประโยคที่กล่าวว่า จงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราะซูล แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราะซูล มิได้เป็นสองสิ่งที่แยกออกจากกัน แต่เป็นสิ่งเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ โองการก่อนหน้านี้จึงกล่าวถึงความรักที่มีต่อท่านศาสดาเพียงอย่างเดียว ส่วนโองการนี้กล่าวทั้งสองไว้เคียงข้างกัน