@laravelPWA
โองการที่28 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่28 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 2:10:2 11-6-1404

โองการที่28 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน

 

لا يَتَّخِذِ الْمُؤْمِنُونَ الْكَفِرِينَ أَوْلِيَاءَ مِن دُونِ الْمُؤْمِنِينَ وَ مَن يَفْعَلْ ذَلِك فَلَيْس مِنَ اللَّهِ فى شىْءٍ إِلا أَن تَتَّقُوا مِنْهُمْ تُقَاةً وَ يُحَذِّرُكمُ اللَّهُ نَفْسهُ وَ إِلى اللَّهِ الْمَصِيرُ (28)

ความหมาย

28. ปวงผู้ศรัทธา จงอย่ายึดเอาพวกปฏิเสธเป็นมิตรและผู้นำแทนบรรดาผู้ศรัทธา และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับอัลลอฮฺ เว้นเสียแต่ว่าต้องหลีกเลี่ยงจากจากพวกเขาจริง ๆ (เนื่องจากเป้าหมายสำคัญจึงต้องตะกียะฮฺ) และอัลลอฮฺทรงเตือนสำทับสูเจ้าให้ยำเกรงพระองค์ และยังอัลลอฮฺคือการกลับ

คำอธิบาย จงอย่าวางแผนเป็นมิตรกับศัตรู

โองการก่อนหน้านี้กล่าวถึงเกียรติยศ ความอัปยศ และอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ส่วนโองการนี้ สั่งห้ามมิให้ผู้ศรัทธาเลือกผู้ปฏิเสธเป็นมิตรหรือเป็นผู้นำของตน เนื่องจากถ้าครบมิตรเพื่อแสวงหาเกียรติยศ หรืออำนาจแล้วละก็ ทั้งหมดเหล่านั้นอยู่ในอำนาจของพระเจ้า

โองการข้างต้นประทานลงมาในช่วงที่มุสลิมกับยะฮูดีย์ คริสเตียน และผู้ตั้งภาคีเทียบเทียมยังมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ว่าถ้าคบหากันต่อไปจะเป็นผลเสียต่อมุสลิม จึงไม่มีคำสั่งห้ามบรรดามุสลิม โองการข้างต้นเป็นบทเรียนสำคัญ ที่สอนการเมือง และหน้าที่ทางสังคมแก่มุสลิมว่า จงอย่านำคนแปลกหน้ามาเป็นมิตร ผู้ช่วยเหลือ หรือเป็นที่ปรึกษา อย่าหลงกลคำพูดที่ไพเราะ คำพูดที่ดึงดูดใจ หรือคำพูดที่บ่งบอกถึงความรักเด็ดขาด เพราะประสบการในอดีตที่ผ่านมา บรรดาผู้ศรัทธาต่างได้รับความเจ็บปวดจากผู้ปฏิเสธมามาก ย่อมเป็นบทเรียนสอนใจได้อย่างดี

ประโยคที่กล่าวว่า แทนบรรดาผู้ศรัทธา บ่งบอกว่าการดำรงชีวิตทางสังคม จำเป็นต้องมีเพื่อนและผู้ช่วยเหลือ เพียงแต่ว่าผู้ศรัทธาจำเป็นต้องเลือกผู้ศรัทธาด้วยกันเป็นมิตร ดังนั้น เมื่อมีผู้ศรัทธาเป็นมิตรแล้ว ทำไมต้องเลือกผู้ปฏิเสธที่ปราศจากความเมตตา และเป็นผู้กดขี่ข่มเหงมาเป็นมิตรด้วย การที่โองการกล่าวถึงคุณลักษณะของ ผู้ศรัทธากับผู้ปฏิเสธไว้เคียงข้างกัน ต้องการบอกว่าคุณสมบัติทั้งสองไม่วันที่รวมกันได้เด็ดขาด

ประโยคที่กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับอัลลอฮฺ บ่งบอกว่ากลุ่มชนที่เลือกเป็นมิตร และร่วมงานกับศัตรูของพระเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพระเจ้าได้สิ้นสุดลงอย่างฉับพลัน จะเห็นว่าประโยคทั้งสองกล่าวเน้นถึงเรื่องการห้ามครบค้าสมาคมกับศัตรูของพระเจ้า ด้านหนึ่งสั่งให้เกรงกลัวโทษทัณฑ์ และความกริ้วโกรธของพระเจ้า ส่วนอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า ถ้าสูเจ้าฝ่าฝืนจงรู้ไว้เถิดว่า พวกเจ้าทั้งหมดต้องย้อนกลับไปหาพระองค์ และรับผลการกระทำที่ตนขวนขวายไว้

ประเด็นสำคัญ

การตะกียะฮฺ หมายถึงการอำพรางการกระทำ หรือการไม่เปิดเผยความจริง ซึ่งเป็นการป้องกันตัวที่ดีที่สุด แน่นอน บางครั้งเพื่อเป้าหมายที่สูงส่งกว่า เพื่อปกป้องเกียรติยศ เพื่อสนับสนุนสัจธรรม และเพื่อทำลายความเท็จ มนุษย์สามารถสละชีวิตของตนได้ แต่ผู้ที่มีสติปัญญาสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า อนุญาตให้มนุษย์เอาชีวิตไปและกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ ไม่มีเป้าหมาย และไม่มีเกียรติ อิสลาม ให้หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็น หรือการเปิดเผยความจริง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หรือไม่มีความสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำอันตรายมาสู่ชีวิต และทรัพย์สินของตน อนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างลับ ๆ โดยไม่ต้องเปิดเผย อัล-กุรอาน โองการข้างต้นก็เตือนสำทับถึงประเด็นดังกล่าว โองการที่ 106 บท อันนะฮฺลิ กล่าวว่า ผู้ใดปฏิเสธอัลลอฮฺ หลังจากที่เขาศรัทธา (เขาจะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮฺ) เว้นแต่ผู้ที่ถูกบังคับทั้งที่หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ประวัติศาสตร์ และตำราฮะดีซมากมายบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน อัมมาร สาวกรุ่นแรกของศาสดา (ซ็อล ฯ) พร้อมกับบิดามารดาของท่าน เมื่อถูกพวกปฏิเสธจับตัวไปลงโทษและทรมานอย่างสาหัส เพื่อให้ละทิ้งศาสนาอิสลาม แต่บิดามารดาของท่านไม่ยอม จึงถูกทรมานจนชะฮีด ส่วนอัมมารปฏิบัติตามที่ผู้ปฏิเสธยื่นข้อเสนอให้ ปากของเขากล่าวตามผู้ปฏิเสธ หลังจากนั้นเขาเสียใจร้องไห้ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า และไปพบท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านศาสดา กล่าวกับอัมมารว่า ถ้าเจ้าถูกจับตัวไปอีก และพวกเขากระทำกับเจ้าเช่นเคย เจ้าจงพูดตามพวกเขา เมื่ออัมมารได้ยินเช่นนั้น จึงรู้สึกสบายใจขึ้นว่าสิ่งที่ตนกระทำมิใช่ความผิด