@laravelPWA
โองการที่ 14 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 14 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 2:10:42 11-6-1404

โองการที่ 14 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน


زُيِّنَ لِلنَّاسِ حُب الشهَوَتِ مِنَ النِّساءِ وَ الْبَنِينَ وَ الْقَنَطِيرِ الْمُقَنطرَةِ مِنَ الذَّهَبِ وَ الْفِضةِ وَ الْخَيْلِ الْمُسوَّمَةِ وَ الاَنْعَمِ وَ الْحَرْثِ ذَلِك مَتَعُ الْحَيَوةِ الدُّنْيَا وَ اللَّهُ عِندَهُ حُسنُ الْمَئَابِ (14)

ความหมาย

14. ความรักในวัตถุปัจจัย อันได้แก่ผู้หญิง ลูก ๆ การสะสมทรัพย์ เช่น ทองคำ เงินจำนวนมากมาย ม้าพันธ์ดี ปศุสัตว์ และไร่นา ถูกทำให้บรรเจิดสำหรับมนุษย์ แต่สิ่งนั้นเป็นปัจจัยชั่วคราวของชีวิตแห่งโลกนี้ สุดท้ายความดีงาม (วิถีชีวิตที่ดีกว่าและเป็นอมตะนิรันดร) อยู่ ณ อัลลอฮฺ

คำอธิบาย ความดึงดูดของความสวยงามแห่งวัตถุปัจจัย

โองการก่อนหน้านี้กล่าวถึง บุคคลที่ลุ่มหลง และอิงอาศัยทรัพย์สินอันเป็นวัตถุปัจจัยทางโลก และลูก ๆ ของตน พวกเขาแสดงความยโสโอหัง โดยลืมพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง และคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าอีกต่อไป โองการที่กำลังกล่าวถึงประหนึ่งมาเสริมความสมบูรณ์ให้กับโองการก่อนหน้าว่า ถ้ามนุษย์ปราศจากสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แม้แต่จะพัฒนาจิตด้านใน หรือยกระดับจิตใจตนให้สูงขึ้น ถ้าปราศจากวัตถุปัจจัยทางโลก มิอาจกระทำให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นเป็นประเด็นหนึ่ง การบูชาวัตถุปัจจัยโดยถือว่าสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายสุดท้าย เป็นอีกประเด็นหนึ่ง

ประเด็นสำคัญ

1. ใครคือบุคคลที่มอบให้วัตถุปัจจัยเป็นสิ่งประดับแห่งตน

ประโยคที่กล่าวว่า ถูกทำให้บรรเจิดสำหรับมนุษย์ กล่าวโดยใช้กริยาในรูปของมัจฮูลหมายถึง ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าใครคือประธานของประโยค กล่าวว่า ความรักที่มีต่อสตรี ลูก ๆ ทรัพย์สมบัติ และแก้วแหวนเงินทอง ในทัศนะของประชาชนถือว่าเป็นเครื่องประดับ และความบรรเจิดสำหรับพวกเขา มีคำถามว่าใครคือผู้ให้ความบรรเจิดนั้น

คำอธิบายโองการ กล่าวว่าผู้ให้ความบรรเจิดแก่ปวงมนุษย์คือ พระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย เนื่องจากพระเจ้าทรงบรรเจิดความรักในหัวใจมนุษย์ให้มีแก่บุตรหลาน และทรัพย์สิน เพื่อพระองค์จะได้ทดสอบเขา และนำไปสู่ความสมบูรณ์ต่อไป ดังที่อัล-กุรอาน กล่าวว่า เราให้สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้เป็นสิ่งประดับสำหรับสูเจ้า เพื่อจะได้ทดสอบสูเจ้าว่าใครปฏิบัติได้ดีกว่ากัน

หมายถึงให้ใช้ประโยชน์จากความรัก และความบรรเจิดที่พระองค์ประทานให้มาไปในหนทางที่ถูกต้อง มิใช่หนทางของอบายมุข หรือการก่อให้เกิดความเสียหาย โองการที่กำลังกล่าวถึง หรือโองการที่มีความหมายใกล้เคียงกัน จะไม่บอกให้แสดงความรักกับสตรี หรือลูก ๆ หรือทรัพย์สินโดยปราศจากความยุติธรรม เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุสู่จริยธรรมขั้นสูงสุด โดยปราศจากสื่อแห่งวัตถุปัจจัย อีกนัยหนึ่งกฎบัญญัติของศาสนา จะไม่มีวันขัดแย้งกับกฎแห่งการสร้างสรรค์ สิ่งที่ลดน้อยลงไปคือ ความอาลัยรักชนิดสุดโต่งจนกลายเป็นการบูชาสิ่งนั้นไปโดยปริยาย

2. จุดประสงค์ของ การสะสมทรัพย์ เช่น ทองคำ เงินจำนวนมากมาย ม้าพันธ์ดี หมายถึงอะไร

คำว่า เกาะนาฏีร เป็นพหูพจน์ของคำว่า กินฏอร หมายถึงสิ่งที่มีความมั่นคงแข็งแรง หลังจากนั้นถูกใช้ในความหมายของ ทรัพย์สินจำนวนมากมาย ดังนั้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่า เงิน หรือสตางค์เรียกว่า กอนเฏาะเราะฮฺ ส่วนบุคคลที่มีความฉลาดเรียกว่า กอนฏอร เนื่องจากความมั่นคงของโครงสร้าง หรือความคิดของพวกเขา ส่วนคำว่า มุกอนเฏาะเราะฮฺ เป็นสหกรรมกริยา ซึ่งมาจากรากศัพท์ของคำ ๆ เดียวกัน หมายถึง การเพิ่มมากขึ้น หรือการทำซ้ำกันบ่อยครั้ง ส่วนการกล่าวคำทั้งสองควบคู่กัน เนื่องจากต้องการเน้นความหมาย ดังนั้น ประโยคดังกล่าวจึงหมายถึง ผู้ที่มีทรัพย์สินมากมาย

คำว่า คัยล์ เป็นคำนามที่ให้ความหมายเป็นพหูพจน์ หมายถึง ม้าทั่วไป หรือม้าที่ใช้ขี่ แต่จุดประสงค์ของโองการหมายถึง ม้าพันธ์ดี

คำว่า มุเซาวะมะฮฺ ตามรากของคำหมายถึง สัญลักษณ์ หรือการมีสัญลักษณ์พิเศษ หรือเนื่องจากการชุบเลี้ยง หรือการฝึกฝนมาอย่างดี จนมีลักษณะท่าทางพิเศษไปจากสัตว์ตัวอื่น พร้อมที่จะขี่หรือใช้เป็นม้าทำศึกสงคราม

ด้วยเหตุนี้ โองการกำลังกล่าวถึงทรัพย์ที่มีค่าสำคัญ 6 ประการ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับชีวิต ได้แก่ ผู้หญิง ลูก ๆ เงินตรา พาหนะที่ดี ปศุสัตว์ และเรือกสวนไร่นา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับชีวิตทางโลก

3. จุดประสงค์ของ ปัจจัยชั่วคราวของชีวิตแห่งโลกนี้ หมายถึงอะไร

คำว่า มะตาอ์ หมายถึง สิ่งที่มนุษย์ได้รับหรือใช้ประโยชน์จากมัน ส่วนชีวิตแห่งโลก หมายถึงการดำรงชีวิตระดับที่ต่ำที่สุด ด้วยเหตุนี้ ประโยคที่กล่าวว่า ปัจจัยชั่วคราวของชีวิตแห่งโลกนี้ จึงหมายถึงบุคคลที่ยึดถือเอาวัตถุปัจจัยหกประการที่กล่าวมาเป็นเป้าหมายสุดท้ายสำหรับชีวิต และความรัก โดยมิได้ใช้ปัจจัยทั้งหกเป็นสื่อในการแสวงหาประโยชน์เพื่อความใกล้ชิดต่อพระเจ้า ฉะนั้น บุคคลเหล่านี้เท่ากับได้นำพาชีวิตไปสู่ความตกต่ำ

ตามความเป็นจริงแล้วประโยคที่กล่าวว่า ปัจจัยชั่วคราวของชีวิตแห่งโลกนี้ บ่งชี้ให้เห็นความสมบูรณ์ของชีวิตและการดำรงชีพทางโลก ซึ่งเป็นชีวิตระดับแรก ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายของโองการจึงบ่งชี้ถึงชีวิตโดยรวมที่สูงส่งกว่า ซึ่งรอคอยการมาของมนุษย์ โองการกล่าวว่า สุดท้ายความดีงาม (วิถีชีวิตที่ดีกว่าและเป็นอมตะนิรันดร) อยู่ ณ อัลลอฮฺ