@laravelPWA
โองการที่ 285 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • ชื่อ: โองการที่ 285 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 4:22:50 11-6-1404

โองการที่ 285 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์


ءَامَنَ الرَّسولُ بِمَا أُنزِلَ إِلَيْهِ مِن رَّبِّهِ وَ الْمُؤْمِنُونَ كلُّ ءَامَنَ بِاللَّهِ وَ مَلَئكَتِهِ وَ كُتُبِهِ وَ رُسلِهِ لا نُفَرِّقُ بَينَ أَحَد مِّن رُّسلِهِ وَ قَالُوا سمِعْنَا وَ أَطعْنَا غُفْرَانَك رَبَّنَا وَ إِلَيْك الْمَصِيرُ (285)

ความหมาย

285. เราะซูลศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่ตน จากพระผู้อภิบาลของตน และบรรดาผู้ศรัทธาทุกคน ศรัทธาในอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺของพระองค์ คัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์ และเราะซูลทั้งหลายของพระองค์ (พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่ให้ความแตกต่างระหว่างผู้ใดจากบรรดาเราะซูลของพระองค์ (เราเชื่อทุกคน) พวกเขา (ผู้ศรัทธา) กล่าวว่า ราได้ยิน และเชื่อฟังปฏิบัติตาม โอ้พระผู้อภิบาล ของเรา (เรารอ) การอภัยโทษจากพระองค์ และการกลับ (ของเรา) ยังพระองค์

สาเหตุของการประทานโองการ

ขณะที่โองการก่อนหน้าถูกประทานลงมา ซึ่งเตือนสำทับว่าสิ่งใดที่อยู่ในใจ จงเปิดเผยออกมา เนื่องด้วยพระเจ้าทรงรอบรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในใจ มีสาวกกลุ่มหนึ่งหวาดกลัวมาก พวกเขากล่าวว่า ไม่ใครในหมู่พวกเราที่รอดพ้นการกระซิบกระซาบของซาตาน หรือปราศจากความคิดชั่วในใจ ซึ่งมีผู้นำความหมายไปถามท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) หลังจากนั้นโองการข้างต้นจึงถูกประทานลงมา

คำอธิบาย แนวทางของความศรัทธา

ซูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺ เริ่มต้นอธิบายบางส่วนของวิชาการ และความศรัทธาที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ โองการที่กำลังกล่าวถึงและโองการถัดไปเป็นสองโองการสุดท้ายของบทนี้ ซึ่งกล่าวเน้นถึงหลักความศรัทธา ต้องการบอกว่าทั้งการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของอัลกุรอานอยู่ในทิศทางเดียวกัน

โองการหลังจากรับรองความศรัทธาของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) แล้ว กล่าวถึงความศรัทธาของผู้ศรัทธาทั้งหลาย และรับรองความศรัทธาของเขาเหล่านั้น ขณะที่โองการแยกความศรัทธาของท่านศาสดา ออกจาความศรัทธาของผู้ศรัทธาทั่วไป เนื่องจากสถานภาพความศรัทธาของท่านศาสดา ต่างไปจากพวกเขา บรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่รายรอบท่าน นอกจากต้องมีศรัทธาต่อพระเจ้า มวลมลาอิกะฮฺ คัมภีร์ที่พระองค์ประทานลงมาแล้ว ยังต้องศรัทธาต่อท่านศาสดา และความศรัทธานั้นเองที่ส่งเสริมมนุษย์ให้มีความสูงส่ง พร้อมกับกล่าวออกมาว่า เราไม่ให้ความแตกต่างระหว่างศาสดาด้วยกัน เราจะไม่ให้ความแตกต่างระหว่างผู้ใดจากบรรดาเราะซูลของพระองค์ (เราเชื่อทุกคน)

ตามหลักการของอิสลามศาสดาทุกท่านล้วนมีเกียรติ แต่ละท่านมีหน้าที่ปฏิบัติในยุคสมัยของตน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีความแตกต่างกันแม้ว่าแต่ละท่านจะมีฐานันดร และตำแหน่งไม่เหมือนกันก็ตาม ศาสดาที่เป็นเจ้าบทบัญญัติ (อูลุลอัซมิ) ต่างไปจากศาสดาท่านอื่น และในหมู่ศาสดาเหล่านั้น ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) เป็นหัวหน้า เป็นบรมศาสดา และเป็นศาสดาท่านสุดท้าย หลักการอิสลามต่างไปจากหลักการของศาสนายูดาย (ยิว) และคริสเตียน ที่ยอมรับศาสดาบางท่านเท่านั้น เช่น ยิว ยอมรับเฉพาะศาสดามูซา (อ.) โดยปฏิเสธศาสดาท่านอื่นทั้งหมด ส่วนคริสเตียนยอมรับเฉพาะศาสดาอีซา (อ.) ซึ่งทั้งสองต่างไปจากอิสลาม โดยบัญชาของอัลกุรอาน มุสลิมต้องยอมรับบรรดาศาสดาทั้งหมด ต้องให้เกียรติ และมีศรัทธา

หลังจากนั้นโองการกล่าวอีกว่า บรรดาผู้ศรัทธานอกจากจะศรัทธามั่นคงในจิตใจแล้ว ในการปฏิบัติพวกเขายังกล่าวว่า ราได้ยิน และเชื่อฟังปฏิบัติตาม โอ้พระผู้อภิบาล ของเรา (เรารอ) การอภัยโทษจากพระองค์ และการกลับ (ของเรา) ยังพระองค์

คำว่า (ซะมิอ์นา) เราได้ยิน บางครั้งให้ความหมายว่า เราเข้าใจ เรายอมรับ ดังความหมายของโองการที่กำลังกล่าวถึง ซึ่งหมายความว่า พวกเรายอมรับคำเชิญชวนของศาสดาแห่งพระองค์ และเชื่อฟังปฏิบัติตามโดยดุษณี

โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พวกเราเป็นมนุษย์ ซึ่งบางครั้งกิเลส ความต้องการ และอารมณ์ฝ่ายต่ำครอบงำพวกเรา ทำให้เกิดความหวั่นไหว ดังนั้น พวกเราจึงคอยการลุแก่โทษจากพระองค์ และพวกเราทราบดีว่าสุดท้ายการงานของพวกเราต้องย้อนกลับไปหาพระองค์

ด้วยเหตุนี้ การศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า วันแห่งการฟื้นคืนชีพ และศาสดาแห่งพระองค์ คือการเชื่อฟังปฏิบัติตามทุกคำสั่งของพระองค์