@laravelPWA
โองการที่ 233 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • ชื่อ: โองการที่ 233 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 7:22:14 11-6-1404

โองการที่ 233 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์


وَ الْوَلِدَت يُرْضِعْنَ أَوْلَدَهُنَّ حَوْلَينِ كامِلَينِ لِمَنْ أَرَادَ أَن يُتِمَّ الرَّضاعَةَ وَ عَلى المَْوْلُودِ لَهُ رِزْقُهُنَّ وَ كِسوَتهُنَّ بِالمَْعْرُوفِ لا تُكلَّف نَفْسٌ إِلا وُسعَهَا لا تُضارَّ وَلِدَةُ بِوَلَدِهَا وَ لا مَوْلُودٌ لَّهُ بِوَلَدِهِ وَ عَلى الْوَارِثِ مِثْلُ ذَلِك فَإِنْ أَرَادَا فِصالاً عَن تَرَاض مِّنهُمَا وَ تَشاوُر فَلا جُنَاحَ عَلَيهِمَا وَ إِنْ أَرَدتُّمْ أَن تَسترْضِعُوا أَوْلَدَكمْ فَلا جُنَاحَ عَلَيْكمْ إِذَا سلَّمْتُم مَّا ءَاتَيْتُم بِالمَْعْرُوفِ وَ اتَّقُوا اللَّهَ وَ اعْلَمُوا أَنَّ اللَّهَ بمَا تَعْمَلُونَ بَصِيرٌ (233)

ความหมาย

233.และมารดาทั้งหลายต้องให้นมแก่ลูกของนางดื่มนมสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ประสงค์จะให้ดื่มนมจนครบกำหนด และหน้าที่ของผู้ที่เด็กได้เกิดจากตน (บิดา) คือให้ปัจจัยยังชีพและเครื่องนุ่งห่มแก่นางอย่างดี (ช่วงที่นางให้นมจำเป็นต้องจัดหาให้ แม้จะหย่าขาดจากกันก็ตาม) ไม่มีชีวิตใดแบกรับภาระเกินกำลังความสามารถของตน มารดาไม่มีสิทธิก่อความเดือดร้อน (แม้ขัดแย้งสามี) ให้ลูกของนาง และบิดาไม่ก็ไม่มีสิทธิก่อความเดือดร้อนให้ลูกของตน และทายาทจำเป็นต้องทำเยี่ยงนั้น (จ่ายค่าเลี้ยงดูช่วงที่นางให้นม) แต่ถ้าทั้งสองประสงค์ให้หย่านม โดยการยินยอมของทั้งสอง หรือโดยการปรึกษาหา ก็ไม่มีบาปแก่เขาทั้งสอง แต่ถ้า (ไม่สามารถ หรือตกลงกันไม่ได้) และสูเจ้าประสงค์ที่จะจัดแม่นมสำหรับลูกของสูเจ้า ดังนั้น ไม่เป็นบาปสำหรับสูเจ้า ถ้าสูเจ้ามอบสิทธิอันชอบธรรมแก่มารดาตามที่ต้องให้ จงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ และจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง อัลลอฮฺทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

คำอธิบาย เป้าหมายของการสั่งให้นมลูก

โองการกล่าวถึงปัญหาสำคัญที่สุดคือ การให้นมลูก และรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ

1. อันดับแรกกล่าวว่า มารดาทั้งหลายต้องให้นมแก่ลูกของนางดื่มนมสองปีเต็ม

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าหน้าที่รับผิดชอบเด็กทารกจะเป็นของบิดา แต่การให้นมสองปีแก่ทารกเป็นหน้าที่ของมารดา ซึ่งนางมีสิทธิดูแลเด็กเต็มบริบูรณ์ในช่วงสองปี ฉะนั้น ในช่วงนี้จึงเรียกว่าช่วงเมตตาและความรัก

2. หลังจากนั้นตรัสว่า สำหรับผู้ที่ประสงค์จะให้ดื่มนมจนครบกำหนด หมายถึง กำหนดเวลาในการให้นมไม่ใช่สิ่งจำเป็น อาจมากหรือน้อยกว่าสองปีขึ้นอยู่กับความเหมาะสมหรือความสามารถ ซึ่งกำหนดสองปีสำหรับบุคคลที่ต้องการให้นมจนครบกำหนด

3. ค่าดำรงชีพของมารดา ทั้งค่าอาหารและเครื่องนุ่งห่มในช่วงที่ให้นมเด็ก เป็นหน้าที่จำเป็นสำหรับบิดา เนื่องจากต้องการให้มารดาให้นมแก่เด็ก ด้วยความรักและความสบายใจ อันมีผลผูกพันอย่างสูงแก่ทั้งสอง ประโยคถัดมาจึงตรัสว่า หน้าที่ของผู้ที่เด็กได้เกิดจากตน (บิดา) คือให้ปัจจัยยังชีพและเครื่องนุ่งห่มแก่นางอย่างดี (ช่วงที่นางให้นมจำเป็นต้องจัดหาให้ แม้จะหย่าขาดจากกันก็ตาม)

อัลกุรอาน กล่าวว่า อะลาเมาลูดินละฮู หมายถึงบุคคลที่บุตรได้เกิดสำหรับตน แทนที่คำว่า อบู หรือบิดา เนื่องจากต้องการให้บิดาเป็นผู้สมัครใจรับผิดชอบหน้าที่ของตน ที่มีต่อภรรยาและบุตร ซึ่งทั้งสองมิใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน

อัลกุรอาน กล่าวเน้นหน้าที่ของบิดาว่า บิลมะอฺรูฟ หมายถึงโดยชอบธรรม หรืออย่างดี บ่งบอกว่าผู้เป็นบิดาต้องจัดหาอาหาร และเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาพของมารดาในช่วงนั้นแก่นาง มิใช่ตระหนี่ถี่เหนียว หรือฟุ่มเฟือยเกินกว่าเหตุ โองการจึงกล่าวว่า ไม่มีชีวิตใดแบกรับภาระเกินกำลังความสามารถของตน

4. หลังจากนั้นโองการกล่าวถึงบทบัญญัติสำคัญอื่นว่า มารดาไม่มีสิทธิก่อความเดือดร้อน (แม้ขัดแย้งสามี) ให้ลูกของนาง และบิดาไม่ก็ไม่มีสิทธิก่อความเดือดร้อนให้ลูกของตน หมายถึงไม่มีคนใดคนหนึ่งถือสิทธิว่าตนเป็นผู้ดูแล หรือตนเป็นผู้จ่ายค่าเลี้ยงดู แล้วก่อความเดือดร้อนแก่เด็กทั้งร่างกาย และจิตใจ

5. หลังจากนั้นโองการกล่าวถึง กฎเกณฑ์หลังจากบิดาเสียชีวิตว่า และทายาทจำเป็นต้องทำเยี่ยงนั้น (จ่ายค่าเลี้ยงดูช่วงที่นางให้นม) หมายถึงบรรดาทายาทที่รับมรดก มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูในช่วงที่นางให้นม เยี่ยงที่บิดาได้กระทำ

6. ต่อมาโองการกล่าวถึงการหย่านมทารก ซึ่งสิทธิแก่บิดาและมารดาตกลงกัน แม้ว่าประโยคก่อนหน้านี้จะกำหนดเวลาการให้นมแล้วก็ตาม กระนั้นพระองค์ยังให้สิทธิแก่ทั้งสองตกลงกัน ซึ่งขึ้นอยู่ความเหมาะสมตรัสว่า แต่ถ้าทั้งสองประสงค์ให้หย่านม โดยการยินยอมของทั้งสอง หรือโดยการปรึกษาหา ก็ไม่มีบาปแก่เขาทั้งสอง

7. บางครั้งมารดาไม่สามารถให้นมทารก หรือไม่สามารถดูแลได้เนื่องจากมีอุปสรรค และสาเหตุบางประการ กรณีเช่นนี้ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น โองการกล่าวว่า แต่ถ้า (ไม่สามารถ หรือตกลงกันไม่ได้) และสูเจ้าประสงค์ที่จะจัดแม่นมสำหรับลูกของสูเจ้า ดังนั้น ไม่เป็นบาปสำหรับสูเจ้า ถ้าสูเจ้ามอบสิทธิอันชอบธรรมแก่มารดาตามที่ต้องให้ ด้วยเหตุนี้ การเลือกแม่นมให้กับบุตรจึงไม่มีอุปสรรค หรือบาปอันใดแก่เจ้า แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่เป็นการทำลายสิทธิของมารดา