@laravelPWA
โองการที่ 226,227 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • ชื่อ: โองการที่ 226,227 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 7:24:45 11-6-1404

โองการที่ 226,227 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์

 

لِّلَّذِينَ يُؤْلُونَ مِن نِّسائهِمْ تَرَبُّص أَرْبَعَةِ أَشهُر فَإِن فَاءُو فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَّحِيم ٌ(226) وَ إِنْ عَزَمُوا الطلَقَ فَإِنَّ اللَّهَ سمِيعٌ عَلِيمٌ (227)

 

ความหมาย

 

226. สำหรับบรรดาผู้ที่สบถ ไม่สมสู่ภรรยาของตน มีสิทธิรอคอยได้สี่เดือน (ภายในสี่เดือนต้องแสดงท่าทีกับภรรยาให้ชัดเจนว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป หรือจะหย่าขาดจากกัน ในช่วงเวลาดังกล่าว) ถ้าเขาทั้งหลายกลับมา (ไม่เสียหายหรือต้องเสียค่าตอบแทนใด) แน่นอนอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

227. และถ้าเขาทั้งหลายตกลงใจ ในการหย่า แน่นอนอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

 

คำอธิบาย การต่อสู้กับประเพณีที่น่าเกลียดของคนโฉดเขลา

 

ในยุคโฉดเขลาไม่มีสตรีคนใดมีคุณค่าทางสังคม ไม่มีเกียรติและไม่มีฐานันดรใด ๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้น ถ้าต้องการแยกทางกับภรรยาพวกเขาจึงแสดงความกักขฬะ บีบบังคับ หรือใช้วิถีการที่ทรามกับภรรยาของตนเพื่อให้พวกเธอยอมรับข้อเสนอ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การสาบถว่าไม่ได้สมสู่กับภรรยา ดังนั้น เมื่อชายต้องการหย่าขาดจากหญิงจะสาบถทันทีว่า ตนไม่ได้สมสู่กับพวกนาง หลังจากนั้นจะประพฤติกับเธอเยี่ยงสัตว์ เพื่อให้เธอทนไม่ได้และไปจากตน ทั้งที่ตนไม่ได้หย่าร้างตามประเพณี หรือหลังจากสาบถแล้วมิได้แสดงท่าทีว่าจะประนีประนอม และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต่อไป แน่นอนฝ่ายชายมิได้ตกอยู่ในภาวะที่ต้องบถูกบีบบังคับ เนื่องจากมีภรรยาหลายคน โองการจึงได้ประทานลงมาเพื่อต่อสู้กับประเพณีที่ไม่ถูกต้อง และแนะนำการสาบถกับพวกเขาว่า บรรดาผู้ที่สบถ ไม่สมสู่ภรรยาของตน มีสิทธิรอคอยได้สี่เดือน (ภายในสี่เดือนต้องแสดงท่าทีกับภรรยาให้ชัดเจนว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป หรือจะหย่าขาดจากกัน)

 

สี่เดือนที่อัลกุรอาน กล่าวถึง ต้องการให้เวลาแก่ฝ่ายชายตัดสินใจว่า ตนจะจัดการกับภรรยาของตนอย่างไร เพื่อให้อิสระแก่สตรี มิใช้ปล่อยให้นางจมปรักอยู่กับความอธรรมของสามี

 

แน่นอน พระเจ้าทรงอภัยในความผิดพลาดที่ผ่านมา ตลอดจนการสาบถที่ไร้สาระ ถึงแม้ว่าในการสาบถเหล่านั้นต้องเสียค่าปรับ (กัฟฟาเราะฮฺ) ก็ตาม แต่พระองค์ทรงผ่อนปรนให้กับพวกเขา

 

โองการถัดมากล่าวว่า ถ้าเขาทั้งหลายตกลงใจ ในการหย่า แน่นอนอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

 

ดังนั้น เมื่อชายได้เลือกสองแนวทางดังกล่าว คือทั้งไม่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกัน และไม่หย่าให้นาง ตรงนี้ผู้ปกครองสามารถนำตัวฝ่ายชายไปลงโทษจำคุกให้ราบจำ ซึ่งหลังจากสี่เดือนผ่านไปแล้วต้องเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้ฝ่ายหญิงทราบบทบาทของตนว่าจะทำอย่างไร แต่เขากลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจ

 

ด้วยเหตุนี้ อิสลามจึงถือว่ากฎการสาบถว่าไม่ได้สมสู่กับภรรยาเป็น มิได้เป็นโมฆะทั้งหมด แต่ทำลายผลเสียหายของมัน เนื่องจากไม่อนุญาตให้บุคคลนำวิธีการนี้ไปสร้างความสับสนให้กับภรรยาของตน ถ้าหากเห็นว่าระยะเวลา 4 เดือนที่กำหนดไว้เป็นหนทางสุดท้าย มิใช่ว่าเป็นการลดหรือเพื่อหลีกเลี่ยงการสมสู่ ทว่าการสมสู่กับภรรยาภายใน 4 เดือน เป็นความจำเป็น ซึ่งถือว่าเป็น วาญิบชัรอียฺ แน่นอนภายในระยะสี่เดือนสตรีต้องไม่กระทำความผิด ฉะนั้น ถ้าเป็นหญิงสาว ซึ่งเกรงว่าภายในระยะเวลาดังกล่าวจะทำความผิด สมควรให้เวลาน้อยลงกว่านั้น

 

ประเด็นสำคัญ

 

การสาบถเป็นกฎที่ได้รับการยกเว้น

 

โองการก่อนหน้านี้กล่าวถึง การสาบานไร้สาระ และไม่มีมรรคผล ดังกล่าวไปแล้วว่า คำพูดที่ขัดแย้งถือว่าเป็นการสาบานที่ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์สามารถทำลายได้โดยไม่มีอุปสรรใด ๆ ทั้งสิ้น และตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวต้องไม่สาบานว่าจะละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ตลอดไป ขณะที่อิสลามกล่าวว่าจำเป็นต้องเสียค่าปรับ (กัฟฟาเราะฮฺ) เนื่องจากทำลายคำสาบาน ซึ่งในความเป็นจริงสิ่งนี้เป็นการลงโทษชายที่ดื้อรั้น ที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษและจะได้จดจำว่าไม่สมควรทำลายสิทธิของสตรี สิ่งสำคัญที่พระเจ้าทรงเตือนผู้คนทั้งหลายว่า การหย่าร้างของสามีภรรยามิได้มีสิ่งใดเกินเลยไปจากอคติและความดันทุรังของทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้ ประโยคในโองการเมื่อกล่าวถึงการสาบถ หรือการตัดสินใจว่าจะทำลายคำสาบาน จึงถือว่าเป็นบาป

 

ส่วนประโยคที่กล่าวว่า อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ บ่งบอกว่าถ้าหากกระทำหรือเคลื่อนไปบนความถูกต้อง เป็นสาเหตุให้การงานที่กระทำมาในอดีตได้รับการอภัยจากพระองค์ และเมื่อกล่าวถึงการตัดสินใจหย่าพระองค์ตรัสถึงคุณลักษณะของพระองค์ว่า อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ หมายถึงพระองค์ทรงได้ยินคำพูด และล่วงรู้ความคิดของพวกเจ้า ดังนั้นพระองค์จะตอบแทนรางวัลไปตามนั้น