โองการที่ 217,218 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
يَسئَلُونَك عَنِ الشهْرِ الْحَرَامِ قِتَال فِيهِ قُلْ قِتَالٌ فِيهِ كَبِيرٌ وَ صدُّ عَن سبِيلِ اللَّهِ وَ كفْرُ بِهِ وَ الْمَسجِدِ الْحَرَامِ وَ إِخْرَاجُ أَهْلِهِ مِنْهُ أَكْبرُ عِندَ اللَّهِ وَ الْفِتْنَةُ أَكْبرُ مِنَ الْقَتْلِ وَ لا يَزَالُونَ يُقَتِلُونَكُمْ حَتى يَرُدُّوكُمْ عَن دِينِكمْ إِنِ استَطعُوا وَ مَن يَرْتَدِدْ مِنكُمْ عَن دِينِهِ فَيَمُت وَ هُوَ كافِرٌ فَأُولَئك حَبِطت أَعْمَلُهُمْ فى الدُّنْيَا وَ الاَخِرَةِ وَ أُولَئك أَصحَب النَّارِ هُمْ فِيهَا خَلِدُونَ (217) إِنَّ الَّذِينَ ءَامَنُوا وَ الَّذِينَ هَاجَرُوا وَ جَهَدُوا فى سبِيلِ اللَّهِ أُولَئك يَرْجُونَ رَحْمَت اللَّهِ وَ اللَّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ (218)
ความหมาย
217. พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับการสงครามในเดือนต้องห้าม จงกล่าวเถิด การสงครามในเดือนนั้นเป็นบาปใหญ่ แต่การขัดขวางจากทางของอัลลอฮฺ การปฏิเสธพระองค์ การกีดกันจากมัสญิด อัลฮะรอม การขับไล่ผู้อาศัยออกไป เหล่านี้ในทัศนะของอัลลอฮฺผิดร้ายแรงกว่า แต่การสร้างฟิตนะฮฺร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่า พวกปฏิเสธจะไม่หยุดยั้งการต่อสู้กับสูเจ้า เพื่อว่าถ้าสามารถพวกเขาจะทำให้สูเจ้ากลับออกจากศาสนาของสูเจ้า แต่ผู้ใดในหมู่สูเจ้ากลับออกจากศาสนาของเขา และตาย ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธ การงานของพวกเขา ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าไร้ผล และพวกเขาคือชาวนรก ซึ่งจะอยู่ในนั้นตลอดไป
218. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่อพยพ และต่อสู้ดิ้นรนในทางของอัลลอฮฺ พวกเขาหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
สาเหตุของการประทานโองการ
ก่อนที่สงครามบัรดฺจะเกิดขึ้น ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เรียกให้อับดุลลอฮฺ บุตรของญะฮัช เข้ามาหาและยื่นจดหมายให้กับเขา และสั่งว่าหลังจากเดินทางไปสองวันแล้วค่อยเปิดจดหมายอ่าน และให้เจ้าปฏิบัติตามนั้น หลังจากสองวันเขาได้เปิดจดหมายอ่านพบข้อความว่า เมื่อเจ้าเดินทางมาถึงนัคละฮฺ ชายแดนมักกะฮฺ และเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม เจ้าจงเข้าไปสังเกตการณ์พวกกุเรช
เมื่อเดินทางไปถึงนัคละฮฺ เขาพบกับกลุ่มชาวกุเรช และเข้าไปโจมตีพวกเขา หลังจากนั้นสังหารอุมัร บุตรของฮัรเราะมีย์ตาย พร้อมกับควบคุมตัวชาวกุเรชสองคนมาพบท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านกล่าวกับพวกเขาว่า ฉันไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าทำการรบพุ่งในช่วงเดือนต้องห้าม ซึ่งพวกปฏิเสธได้ประณามท่านศาสดาอย่างรุนแรง และกล่าวหาว่า ทำการรบพุ่งและนองเลือดในเดือนต้องห้าม โองการข้างต้นได้ประทานลงมา หลังจากนั้นอับดุลลอฮฺ บุตรของญะฮัช พร้อมกบสหายร่วมทาง กล่าวว่าพวกเราได้ต่อสู้บนทางของพระเจ้าเพื่อผลบุญ พวกเขาถามท่านศาสดาว่า บรรดานักต่อสู้จะได้รับผลบุญหรือไม่ โองการที่ 218 ได้ประทานลงมาอีก
คำอธิบาย สงครามในเดือนต้องห้าม
ดังที่สาเหตุของการประทานโองการยืนยันไว้จะเห็นว่า แบบฉบับดั้งเดิมที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่อดีต บรรดาศาสดาจะสั่งห้ามการรบพุ่งในช่วงเดือนต้องห้าม ได้แก่ เราะญับ ซิลเกาะอฺดะฮฺ ซิลหิจญ์ และมุฮัรรอม ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกัน
แต่ไม่ได้หมายความว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่มีการยกเว้น และต้องไม่ปล่อยให้กลุ่มชนที่ก่อความเสียหายอื่น สร้างความเสียหายโดยอาศัยกฎเกณฑ์ทำการกดขี่ข่มเหง หรือก่อบาปกรรมต่าง ๆ แน่นอนว่าการห้ามรบพุ่งในเดือนต้องห้ามมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่การขัดขวางออกจากแนวทางของพระเจ้า หรือการปฏิเสธพระองค์ หรือการกีดกันออกจากมัสญิดอัล-ฮะรอม ตลอดจนการขับไล่ผู้อาศัยที่อยู่บริเวณรอบ ๆ นั้น ในทัศนะของพระเจ้าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งกว่าการสงคราม เนื่องจากเป็นอาชญากรรม เป็นการละเมิดสิทธิทั้งส่วนตัวและส่วนรวม และจะทำเช่นนี้ต่อไป ฉะนั้น ต้องไม่อยู่ภายใต้การเผยแผ่ของบรรดาผู้ปฏิเสธที่ทำให้หลงทาง เนื่องจากพวกเขาเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ถ้าเขาสามารถทำได้พวกเขาจะทำลายพวกเจ้าให้หมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้ หน้าที่ของมุสลิมคือ ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อหน้าศัตรู และต้องไม่ใส่ใจในคำหยุแหย่ของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องเดือนต้องห้าม และเตือนสำทับมุสลิมเรื่องการย้อนออกนอกศาสนาของตน
โองการถัดมากล่าวถึงประเด็นตรงกันข้ามกับกลุ่มดังกล่าวโดยกล่าวว่า บรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่อพยพ และต่อสู้ดิ้นรนในทางของอัลลอฮฺ พวกเขาหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
แน่นอน กลุ่มชนดังกล่าวกระทำสิ่งสำคัญ 3 ประการได้แก่ สร้างความศรัทธา อพยพ และต่อสู้ดิ้นรนในหนทางของพระองค์ ดังนั้น ถ้าเขาทำสิ่งผิดพลาด ก็อาจได้รับการอภัยและความเมตตาพิเศษจากพระองค์