โองการที่ 188 จากซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
หลีกเลี่ยงทรัพย์สินของคนอื่นและสินบน
وَ لا تَأْكلُوا أَمْوَلَكُم بَيْنَكُم بِالْبَطِلِ وَ تُدْلُوا بِهَا إِلى الحُْكامِ لِتَأْكلُوا فَرِيقاً مِّنْ أَمْوَلِ النَّاسِ بِالاثْمِ وَ أَنتُمْ تَعْلَمُونَ (188)
ความหมาย
188. จงอย่ากินทรัพย์สมบัติของสูเจ้าระหว่างสูเจ้าโดยมิชอบ และจงอย่านำบางส่วนให้ผู้พิพากษา (ติดสินบน) เพื่อสูเจ้าจะได้กินสมบัติบางส่วนของผู้คนโดยบาป ทั้งที่สูเจ้ารู้ดี (การกระทำเช่นนี้เป็นบาป)
คำอธิบาย เส้นทางหลักเศรษฐศาสตร์ในอิสลาม
โองการนี้กล่าวถึงหลักการทั่วไปที่สำคัญยิ่งของอิสลาม ซึ่งครอบคลุมปัญหาเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด อีกนัยหนึ่งกล่าวได้ว่า ปัญหาเกี่ยวกับบัญญัติอิสลามทั้งหมด อยู่ในส่วนของเศรษฐศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ บรรดานักปราชญ์อิสลามส่วนใหญ่จึงยึดถือโองการข้างต้นเป็นบรรทัดฐานในการอธิบายความ
จุดประสงค์ของคำว่า บาฏิล (โมฆะ โดยมิชอบธรรม) หมายถึงอะไร
บางทัศนะกล่าวว่า หมายถึง ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการขโมย กดขี่ หรือฉ้อโกงคนอื่น
บางทัศนะกล่าวว่า หมายถึง ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการเล่นพนัน หรือวิธีการที่คล้ายคลึงกัน
บางทัศนะกล่าวว่า หมายถึง ทรัพย์สินที่ได้มาการโดยการสาบานเท็จ หรือการแต่งความเท็จ
แต่ในความเป็นจริงโองการให้ความหมายครอบคลุม ซึ่งนอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้ว ยังครอบคลุมสิ่งอื่นอีกด้วย เนื่องจากคำว่า บาฏิล หมายถึง การสูญเสีย หรือการหมดสภาพไป ด้วยเหตุนี้ การใช้ทรัพย์สินของบุคคลอื่น โดยวิธีการไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบธรรม ถือว่ารวมอยู่ในการสั่งห้ามของพระเจ้า ตลอดจนการค้าขายที่มีวัตถุประสงค์ไม่ถูกต้อง หรือมีพื้นฐานที่สติปัญญารับไม่ได้ ทั้งหมดรวมอยู่ในโองการดังกล่าวทั้งสิ้น
อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า บาฏิลในที่นี้หมายถึง การสาบานเท็จ
อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า บาฏิล ในที่นี้หมายถึง การพนัน ซึ่งในความเป็นจริงเป็นการอธิบายถึงจุดประสงค์ที่ชัดเจนของโองการ
สิ่งที่สมควรพิจารณาเป็นพิเศษคือ การวางโองการข้างต้นหลังจากโองการที่ 182 – 187 ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการร่วมกันระหว่างทั้งสองกฎ โองการก่อนหน้านี้ห้ามเรื่องการกินการดื่ม เนื่องจากเป็นการแสดงความเคารพภักดีพระเจ้าประเภทหนึ่ง ส่วนโองการนี้ห้ามการกินทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบธรรม ทั้งสองถือว่าเป็นประเภทเดียวกันในเรื่องการฝึกฝนจิตใจ และเป็นสาขาหนึ่งของการสำรวมตนจากความชั่ว ดังที่กล่าวว่า การสำรวมตนเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการถือศีลอด
สิ่งที่โองการกล่าวถึงคือ ตัวอย่างที่ชัดเจนของการกินทรัพย์สินที่ฮะรอม กล่าวถือการกินทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งบางคนคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิทธิ์ของตน ถ้าอาศัยคำพิพากษาทรัพย์สินนั้นจะตกเป็นของตนทันที อัลกุรอาน กล่าวว่า และจงอย่านำบางส่วนให้ผู้พิพากษา (ติดสินบน) เพื่อสูเจ้าจะได้กินสมบัติบางส่วนของผู้คนโดยบาป
คำว่า ตุดลู มาจากรากศัพท์ของคำว่า อะดะลาอฺ หมายถึง การส่งถังตักน้ำลงไปในบ่อเพื่อตักน้ำขึ้นมา การอธิบายประโยคข้างต้นอาจหมายถึง บางส่วนของทรัพย์สินที่จัดเป็นของกำนัล หรือสินบน ส่งให้กับผู้พิพากษา ส่วนทรัพย์สินที่เหลือตกเป็นของตน
หรือจุดประสงค์อาจหมายถึง จงอย่านำทรัพย์สินใช้ไปในทางที่ผิด ด้วยการติดสินบนผู้พิพากษา เช่น ทรัพย์สินที่ผู้อื่นนำมาฝากไว้ หรือทรัพย์สินของเด็กกำพร้าที่อยู่ในการดูแลของตน โดยไม่มีพยานรู้เห็น เมื่อเจ้าของต้องการทรัพย์สินคืน ตนได้พาไปหาผู้พิพากษาเพื่อให้ตัดสิน แต่เนื่องจากไม่มีพยานรู้เห็น ได้อาศัยคำพิพากษาตัดสินว่าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของตน การกระทำเช่นนี้เป็นบาป เนื่องจากเป็นการกินทรัพย์สินโดยมิชอบ
ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า ฉันเป็นบุถุชนเหมือนกับเจ้า (มีหน้าที่ตัดสินระหว่างพวกเจ้าตามความจริงที่ปรากฏ) บางครั้งการทะเลาะวิวาทที่นำมาฟ้องฉัน อาจเป็นไปได้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวอ้างหลักฐานได้แข็งแรงกว่ากัน ซึ่งฉันได้ตัดสินไปตามเหตุผล อันเป็นประโยชน์กับเขา แต่พึงสังวรไว้ว่า บางทีฉันอาจตัดสิน (ตามหลักฐานที่ปรากฏ) สิทธิของคนหนึ่งให้เป็นประโยชน์กับอีกคนหนึ่งก็ได้ ซึ่งในความเป็นจริงสิ่งนั้นไม่ใช่ของตน พวกเจ้าจงอย่างได้คิดว่าฉันตัดสินลำเอียงเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง และสิ่งนั้นฮะลาลสำหรับเขา แน่นอนสิ่งนั้นคือ ไฟนรก ถ้าหากเจ้าต้องการไฟนรก ก็จงรับสิ่งนั้นไป แต่ถ้าไม่ก็จงปล่อยสิ่งนั้นเสีย
ประเด็นสำคัญ
การกินสินบนเป็นตราบาปที่เลวร้ายของสังคม
หนึ่งในความเลวร้ายอันยิ่งใหญ่ของสังคม นับตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันคือ การติดสินบน ทุกวันนี้สถานการยิ่งเลวร้ายกว่าในอดีต ผู้คนทุกวงการของสังคมอาศัยการติดสินบน เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย ตำแหน่ง หรืออิสรภาพของตน การติดสินบนเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ไม่สามารถสร้างความยุติธรรมแก่สังคม และเป็นสาเหตุให้กฎหมายต่าง ๆ ที่คอยปกป้องสิทธิของผู้อ่อนแอกว่าในสังคม ต้องตัดสินเข้าข้าง และเป็นประโยชน์แก่พวกอยุติธรรม และพวกฉ้อฉลในสังคม
แน่นอนว่าถ้าการติดสินบนเป็นที่นิยมของสังคม กฎหมายและหลักการต่าง ๆ จะปฏิบัติสวนทางกับความเป็นจริง คนผิดจะกลายเป็นคนถูก และคนถูกจะกลายเป็นคนผิด ผู้อ่อนแอจะหมดโอกาสทางสังคม กฎหมายจะตัดสินเข้าข้างคนรวยหรือผู้มีอำนาจทางสังคม การกดขี่และการเอารัดเอาเปรียบกันทางสังคมก็จะดำเนินต่อไป สิทธิของผู้อ่อนแอกว่าจะถูกฉ้อฉลตลอดไป ดังนั้น ตามหลักการอิสลามจึงห้ามตัดสินบนอย่างเด็ดขาด ถือว่าเป็นบาปใหญ่
ความเลวร้ายของสินบน เป็นสาเหตุก่อให้เกิดวัตถุประสงค์ที่เลวร้ายในรูปแบบของเล่ห์เพทุบาย การกินและการให้สินบนอาจมาในนามของ ของกำนัล ของฝาก ค่าเหนื่อย หรือน้ำชากาแฟต่าง ๆ การเปลี่ยนชื่อไม่อาจเปลี่ยนตัวตนของสินบนให้เป็นอย่างอื่นได้เด็ดขาด ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่ได้มาโดยวิธีการดังกล่าว ฮะรอม และไม่ถูกต้องตามหลักการอิสลาม