เหตใดทานหญงฟาฏมะฮ-ซะฮรอ-จงถกเรยกวาเปนสตรทประเสรฐทสดในโลก

เหตุใดท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ จึงถูกเรียกว่าเป็นสตรีที่ประเสริฐที่สุดในโลก?

คำตอบโดยละเอียด

 คุณค่าของมนุษย์ทุกๆคนนั้น มิได้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน บางคนนั้นมีสถานภาพที่สูงส่งกว่ามวลเทวทูตที่ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่บางคนกลับมีสถานภาพที่ต่ำต้อยยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน และสิ่งที่จะทำให้มนุษย์มีคุณค่าจากคำสั่งสอนของอัลกุรอานและศาสนาอิสลาม ก็คือ ความรู้ ความศรัทธา (อีหม่าน) ความยำเกรง (ตักวา)ของเขานั่นเอง

ตามสายรายงานที่ถูกต้องจากตำราวิชาการของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ระบุว่า มีวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)มากมายที่ได้กล่าวถึงท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) ว่า นางนั้นเป็นสตรีที่ประเสริฐที่สุดเหนือบรรดาสตรีทั้งหลายในโลก

انَّ اَفْضَلَ نِساءِ اَهْلِ الْجَنَّةِ خَدیجَةُ بِنْتُ خُوَیْلِد، وَ فاطِمَةُ بِنْتُ مُحَمَّد، وَ مَرْیَمُ بِنْتُ عِمْرانَ، وَ آسِیَةُ بِنْتُ مُزاحِم
 

“แท้จริงบรรดาสตรีแห่งชาวสวรรค์ที่ประเสริฐที่สุด มีสี่คนด้วยกัน คอดีญะฮ์ บินติคุวัยลิด, ฟาฏิมะฮ์ บินติมุฮัมมัด, มัรยัม บินติอิมรอน และอาซียะฮ์ บินติมุซาฮิม” (1)

ในฮะดีษหนึ่ง รายงานว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) ว่า

یَا فَاطِمَةُ اَلا تَرْضَیْنَ اَنْ تَکُونِی سَیِّدَةَ نِساءِ الْعالَمینَ، وَ سَیِّدَةَ نِساءِ هذِهِ الاُمَّةِ، وَ سَیِّدَةَ نِساءِ الْمُؤْمِنینَ
 

“โอ้ฟาฏิมะฮ์ เจ้าไม่พึงพอใจดอกหรือ ที่เจ้านั้นเป็นนายหญิงของบรรดาสตรีแห่งสากลจักวาล ,เป็นนายหญิงแห่งสตรีของประชาชาติของฉัน เป็นนายหญิงของบรรดาสตรีที่มีศรัทธา” (2)

จะเห็นได้ว่าในฮะดีษนี้ ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) นั้นมีความประเสริฐอย่างมาก เพราะว่าไม่ได้มีการกล่าวถึงความประเสริฐของผู้ใด นอกจากความประเสริฐของท่านหญิงเท่านั้น

ในอีกวจนะหนึ่ง ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าวถึงท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ว่า

اَما اِنَّها سَیِّدَةُ النِّساءِ یَوْمَ الْقِیامَةِ
 

“จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงนาง(ฟาฏิมะฮ์) นั้น คือ นายหญิงของบรรดาสตรีในวันกิยามะฮ์ (วันแห่งการตัดสิน)” (3)

อีกวจนะหนึ่งซึ่งได้รายงานจากศอฮีฮ์ อัลบุคอรี (เป็นตำราที่เป็นที่ยอมรับในการรายงานฮะดีษจากสายซุนนะฮ์) ว่า จากคำบอกเล่าของท่านหญิงอาอิชะฮ์ รายงานว่า ในวันหนึ่ง ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้เดินทางมาหาท่านศาสดา ซึ่งท่าทางการเดินของท่านหญิงนั้นเหมือนดั่งการก้าวเดินของท่านศาสดาทั้งสิ้น

ท่านศาสดากล่าวกับบุตรีของตนว่า โอ้ลูกรัก ฉันดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้านั้นมาหาฉัน

หลังจากนั้นท่านศาสดาได้ให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ นั่งด้านซ้ายหรือด้านขวาของท่านและได้พูดข้างหูท่านหญิง จนนางนั้นได้ร่ำไห้ออกมา

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ได้ถามขึ้นว่า เจ้าร้องไห้ด้วยสาเหตุใดหรือ?

หลังจากนั้นท่านศาสดาได้พูดที่ข้างหูฟาฏิมะฮ์อีก แต่คราวนี้นางได้ยิ้มออกมา

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ กล่าวว่า ฉันไม่เคยเห็นการดีใจและความเสียใจใดที่เหมือนกับวันนี้เลย และฉันได้ถามถึงสาเหตุดังกล่าว แต่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ กล่าวว่า ฉันจะไม่เปิดเผยความลับของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์
จนกระทั่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้ลาจากโลกนี้ไป ประเด็นนี้ก็ยังคงอยู่ ฉันจึงถามท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ คราวนี้นางตอบกลับว่า ครั้งแรกที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ บอกกับฉันว่า ในทุกปี ท่านญิบรออีล จะนำอัลกุรอานลงมาให้ท่าน ครั้งเดียว แต่ในปีนี้ เขาได้นำอัลกุรอานลงมาสองครั้งด้วยกัน และฉันคิดว่านี่คือ สาเหตุที่อายุขัยข์ของฉันกำลังจะหมดลงแล้ว และเจ้า(ฟาฏิมะฮ์) คือ บุคคลแรกที่จะพบกับฉัน เมื่อฉันได้ยินเช่นนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมา หลังจากนั้น ท่านศาสดา กล่าวว่า เจ้าไม่พึงพอใจดอกหรือที่เจ้านั้นเป็นนายของบรรดาสตรีแห่งชาวสวรรค์และนายของบรรดาสตรีที่มีศรัทธา (4)

จากวจนะทั้งหมดนี้ที่ได้กล่าวไปชี้ให้เห็นว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์นั้นมีความประเสริฐ ซึ่งบางรายงานกล่าวว่า ท่านหญิงนั้นเป็นหนึ่งในสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ในหนังสือซะคออิร อัลอุกบา รายงานจากท่านอิบนุอับบาส ว่าท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า

สตรีทั้งสี่ที่เป็นนายของบรรดาสตรีในยุคสมัยของพวกนาง คือ มัรยัม บินติอิมรอน อาซียะฮ์ บินติมุซาฮิม คอดีญะฮ์ บินติคุวัยลิด และฟาฏิมะฮ์ บินติมุฮัมมัด ขณะที่ฟาฏิมะฮ์นั้นประเสริฐที่สุด (5)
อัลกุรอานได้กล่าวถึงท่านหญิงมัรยัมว่า

وَإِذْ قالَتِ الْمَلائِکَةُ یا مَرْیَمُ إِنَّ اللهَ اصْطَفاکِ وَ طَهَّرَکِ وَ اصْطَفاکِ عَلى نِساءِ الْعالَمینَ
 

และครั้นเมื่อมลาอิกะฮ์ (เทวทูต) ได้พูดกับมัรยัม ว่า โอ้มัรยัมเอ๋ย แท้จริงอัลลอฮ์ทรงคัดเลือกเจ้า และทำให้เจ้าสะอาดบริสุทธิ์และคัดเลือกเจ้าให้เหนือสตรีทั้งหลายแห่งสากลจักวาล (6)

یا مَرْیَمُ اقْنُتی لِرَبِّکِ وَ اسْجُدی وَ ارْکَعی مَعَ الرّاکِعینَ
 

โอ้มัรยัมเอ๋ย เจ้าจงภักดีต่อพระผู้อภิบาลของเจ้า และจงทำการก้มกราบและจงโค้งคำนับร่วมกับบรรดาผู้ที่ก้มโค้งทั้งหลาย(7)

کُلَّمادَخَلَ عَلَیْها زَکَرِیَّا الْمِحْرابَ وَجَدَ عِنْدَها رِزْقاً
 

คราใดก็ตามที่ซะกะรียาได้เข้ามาหานาง(มัรยัม) ที่มิฮ์รอบ(สถานที่นมัสการพระเจ้า) ก็จงพบว่ามีปัจจัยยังชีพอยู่กับนาง(8)

مَّا الْمَسِیحُ ابْنُ مَرْیَمَ إِلاَّ رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِهِ الرُّسُلُ وَأُمُّهُ صِدِّیقَةٌ کَانَا یَأْکُلاَنِ الطَّعَامَ انظُرْ کَیْفَ نُبَیِّنُ لَهُمُ الآیَاتِ ثُمَّ انظُرْ أَنَّى یُؤْفَکُونَ
 

อัล-มะซีฮ์ (พระเยซู) บุตรของมัรยัม นั้นมิใช่ใครอื่น นอกจากเป็นศาสนทูตคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดาศาสนทูตก่อนเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว และมารดาของเขานั้นคือหญิงที่มีความซื่อสัตย์ ซึ่งทั้งสองนั้นรับประทานอาหาร จงดูเถิด(มุฮัมมัด) ว่าอย่างไรเล่าที่เราได้อธิบายโองการต่าง ๆ แก่พวกเขา? และจงดูเถิดว่าอย่างไรเล่า พวกเขาจึงถูกหันเหไปได้(9)

อ้างอิง

1.มุสตัดรอกุซซอฮิฮัยน์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 497

2.มุสตัดรอกุซซอฮิฮัยน์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 156

3.ฮิลลิยะตุลเอาลิยาอ์ เล่มที่ 2 หน้าที่142

4.ซอฮิฮ์ อัลบุคอรี กิตาบ บะดะอุลค็อลก์

5.ซะคออิร อัลอุกบา หน้าที่ 44 อัดดุรรุลอันษูร ฟีย์ตัฟซีรอัลมะอ์ษูร เล่มที่ 2 หน้าที่ 23

6.อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 42

7.อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 43

8.อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 37

9.อัลกุรอาน บทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 75

ที่มา หนังสือฟาฏิมะฮ์ สตรีที่ประเสริฐที่สุดของโลก เขียนโดยอยาตุลลอฮ์มะการิม ชีรอซี

แปลและเรียบเรียงโดย เชคญะมาลุดดีน ปาทาน