@laravelPWA
โองการที่ 55 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • ชื่อ: โองการที่ 55 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 2:10:3 11-6-1404

โองการที่ 55 ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน


إِذْ قَالَ اللَّهُ يَا عِيسى إِنى مُتَوَفِّيك وَ رَافِعُك إِلىَّ وَ مُطهِّرُك مِنَ الَّذِينَ كفَرُوا وَ جَاعِلُ الَّذِينَ اتَّبَعُوك فَوْقَ الَّذِينَ كَفَرُوا إِلى يَوْمِ الْقِيَمَةِ ثُمَّ إِلىَّ مَرْجِعُكمْ فَأَحْكمُ بَيْنَكُمْ فِيمَا كُنتُمْ فِيهِ تَخْتَلِفُونَ (55)

ความหมาย

55. จงรำลึกถึง เมื่ออัลลอฮฺตรัสว่า อีซาเอ๋ย แท้จริง ฉันจะเป็นผู้รับเจ้าไปยังฉัน เป็นผู้เทิดเจ้า เป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์จากบรรดาที่ปฏิเสธ และเป็นผู้ทำให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้าเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธ จนถึงวันฟื้นคืนชีพ หลังจากนั้น ยังฉันคือ การกลับมาของสูเจ้า ดังนั้น ฉันจะตัดสินระหว่างสูเจ้า ในสิ่งทีสูเจ้าขัดแย้งกัน

คำอธิบาย อีซามะซีฮฺกลับไปหาพระเจ้า

โองการนี้เป็นอีกหนึ่งในบรรดาโองการที่สาธยายถึงชีวิตของอีซา (อ.) ในหมู่นักอรรถาธิบายอัล-กุรอาน กล่าวโดยยกหลักฐานจากโองการที่ 157 บทอันนิซาอ์ ที่ว่า และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีฮฺอีซา บุตรของมัรยัม เราะซูลของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาไม่ได้ฆ่าอีซา และไม่ได้ตรึงเขาบนไม้กางเขน ทว่าได้ถูกทำให้ละม้ายกับเขา แน่นอน จะเห็นว่าโองการยืนยันอย่างชัดเจนว่าอีซายังไม่ตาย อีซาได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากแผนการของยะฮูดีย์ โดยการร่วมมือของชาวคริสต์ที่อกตัญญูบางส่วน ซึ่งพระเจ้าพาเขาขึ้นไปยังฟากฟ้า

แม้ว่า ชาวคริสต์ตามระบุของคัมภีร์อินญิลที่แก้ไขแล้วกล่าวว่า อีซา (อ.) เสียชีวิตแล้ว และถูกนำไปฝังเรียบร้อยแล้วก็ตาม หลังจากนั้นอีซาจะฟื้นขึ้นมา และพำนักอยู่บนโลกเล็กน้อย หลังจากนั้นจะถูกนำตัวไปยังฟากฟ้า โองการข้างต้นกล่าวว่า เมื่ออัลลอฮฺตรัสว่า อีซาเอ๋ย แท้จริง ฉันจะเป็นผู้รับเจ้าไปยังฉัน

คำว่า โฟต หมายถึง การจากไป ส่วนคำว่า ตะวัฟฟา อยู่บนรูปกริยาของคำว่า ตะรักกอ มาจากรากศัพท์คำว่า วะฟา หมายถึงการทำให้สิ่งหนึ่งสมบูรณ์ ดัวยเหตุนี้ การปฏิบัติตามสัญญาข้อตกลงต่าง ๆ จึงเรียกว่า วะฟา เนื่องจากได้ทำให้สัญญาสมบูรณ์ หรือทำให้ลุล่วง หรือการทวงหนี้คืนจนหมดสิ้น เรียกว่าตะวัฟฟา เช่นกัน

โองการอัล-กุรอาน ใช้คำว่า ตะวัฟฟา ในความหมายของ การเอากลับ เช่น โองการกล่าวว่า พระองค์คือ ผู้ที่นำเอาวิญญาณของสูเจ้ากลับในยามค่ำคืน และล่วงรู้ที่สูเจ้ากระทำในตอนกลางวัน

โองการข้างต้นกำลังกล่าวถึง การนอนหลับ ซึ่งหมายถึงการนำจิตวิญญาณกลับในยามค่ำคืน

คำว่า ตะวัฟฟา บางครั้งหมายถึง การตาย แม้กระนั้นก็ตามในกรณีนี้บางครั้งไม่ใช่ความตายที่แท้จริง แต่หมายถึง การเปลี่ยนแปลง หรือการรับจิตวิญญาณรกลับมา ซึ่งโดยหลักการแล้วคำว่า ตะวัฟฟา ไม่ได้หมายถึงความตาย ดังนั้นความหมายของโองการที่กำลังกล่าวถึง อีซาเอ๋ย แท้จริง ฉันจะเป็นผู้รับเจ้าไปยังฉัน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติว่า คำว่า ตะวัฟฟา หมายถึงความตายเพียงอย่างเดียว นั่นหมายถึง ความตายด้านสรีระเพียงอย่างเดียว

หลังจากนั้นโองการกล่าวอีกว่า และฉันทำให้เจ้าบริสุทธิ์จากบรรดาที่ปฏิเสธ จุดประสงค์ของการทำให้บริสุทธิ์หมายถึง การนำตัวอีซา (อ.) ออกจากสภาพแวดล้อมที่สกปรกโสโครก จากกลุ่มชนที่ต่ำทรามปราศจากความศรัทธา หรือนำตัวออกจากการใส่ร้ายที่ไม่เป็นธรรม

โองการข้างต้นเป็นหนึ่งในโองการที่แสดงให้เห็นความมหัศจรรย์ การพยาการณ์ และการแจ้งข่าวที่เร้นลับของอัล-กุรอานที่ว่า บรรดาที่ปฏิบัติตามอีซาเหนือกว่าบรรดาผู้ปฏิเสธ และยะฮูดีย์ที่เป็นปรปักษ์กับอีซา (อ.) จนถึงวันฟื้นคืนชีพ

ประเด็นสำคัญ

อีซามะซีอฺ (อ.) จะมีชีวิตอยู่จนถึงการสิ้นโลกหรือไม่

ตามความหมายของโองการที่กล่าวถึง ยะฮูดีย์และคริสต์จะดำรงอยู่จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก ผู้คนที่นับถือศาสนายะฮูดีย์และคริสต์ก็จะดำรงชีวิตเช่นนี้ตลอดไป แม้ว่ารายงานจำนวนมากจะกล่าวถึงการปรากฏตัวของ อิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ก็ตาม ซึ่งหลังจากนั้นศาสนาจะอยู่ภายใต้การปกครองของท่าน

รายงานที่กล่าวถึงการปรากฏตัวของมะฮฺดีย์ (อ.) กล่าวว่า จะไม่มีบ้านหลังใดบนโลกนี้คงเหลืออยู่ เว้นเสียแต่ว่าบ้านหลังนั้นยอมรับความเป็นเอกภาพของพระเจ้า หมายถึง ศาสนาอิสลามจะเป็นศาสนาประจำโลก และบนโลกนี้จะมีรัฐบาลปกครองเพียงรัฐเดียวนั้นคือ อิสลาม นอกจากนั้นจะไม่มีกฎหมายใดถูกสถาปนาขึ้นปกครองเว้นแต่กฎหมายอิสลาม และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถ้ายะฮูดีย์ และคริสต์ ซึ่งถือว่าเป็นชนส่วนน้อยจะอาศัยพึ่งบารมีการปกครองของท่านอิมามมะฮฺดี ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องส่งส่วยรายปีแก่รัฐอิสลาม เนื่องจากมีความหวังว่า ท่านอิมามจะไม่บังคับให้บุคคลใดเข้ารับอิสลาม แต่ท่านจะเชิญชวนให้เข้ารับอิสลามด้วยเหตุผล และด้วยสื่อของท่านทำให้มีความเข็มแข็งในการความยุติธรรมแก่สังคม พร้อมกับขจัดการปกครองที่กดขี่ให้หมดไปจากโลก มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้จะมีความเสมอภาคกัน ภายใต้ธงชัยแห่งความยุติธรรมของอิสลาม มิเช่นนั้นการกลั่นแกล้งและการบังคับ กับการเลือกสรรจะไม่มีความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น